“ภูเก็ตเหมาะสำหรับการนำร่องต้อนรับนทท.ต่างชาติที่ได้รับวัคซีนแล้ว” บิล ไฮเน็ค

จังหวัดภูเก็ตเหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับการเป็นจังหวัดนำร่อง เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวที่ได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว ให้เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในช่วงวันหยุดพักผ่อนได้ บิล ไฮเน็ค ผู้ก่อตั้ง ไมเนอร์ กรุ๊ป หนึ่งในกลุ่มบริษัทด้านการบริการที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เปิดเผยในโอกาสเข้าร่วมสัมมนา ที่จัดขึ้น ณ ลากูน่า ภูเก็ต เมื่อวันศุกร์ที่ 19 ก.พ. ที่ผ่านมา

ข่าวภูเก็ต

วันเสาร์ ที่ 27 กุมภาพันธ์ 2564, เวลา 09:00 น.

เพราะการเปิดรับนักท่องเที่ยวที่ได้รับการฉีดวัคซีนและผ่านการตรวจหาเชื้อเบื้องต้นอย่างรวดเร็ว หรือ Rapid Testing ให้กลับเข้ามาท่องเที่ยวในจังหวัดภูเก็ตได้นั้น จะเป็นวิธีเดียวในการเปิดประเทศสู่การท่องเที่ยวอย่างปลอดภัย เพราะหากภูเก็ตยังคงเลือกวิธีการกักตัวนักท่องเที่ยว มันก็จะเหมือนเป็นการ “ทำลาย” โอกาสในการเริ่มต้นการท่องเที่ยวครั้งใหม่ และโอกาสในการฟื้นฟูเศรษฐกิจของจังหวัดภูเก็ตและประเทศไทย

ในที่ประชุมนายไฮเน็คได้แสดงความขอบคุณและกล่าวว่ารู้สึกเป็นเกียรติที่ได้เข้าร่วมในงานสัมมนา ‘Phuket Roundtable’ ที่จัดโดยสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต นำโดย นายภูมิกิตติ์ รักแต่งาม นายกสมาคมฯ และความร่วมมือของภาคเอกชนในจังหวัดภูเก็ต
ซึ่งเป็นการขับเคลื่อนแผนยุทธศาสตร์ #phuketfirstoctober เพื่อเดินหน้าเตรียมความพร้อมเปิดประตูรับนักท่องเที่ยวต่างชาติในวันที่ 1 ตุลาคม ที่จะถึงนี้

“ขณะนี้พวกเราทุกคนตระหนักและยอมรับว่าวัคซีนในระยะแรกประสบความสำเร็จ ผมหวังว่ามันจะช่วยสร้างความมั่นใจได้ว่า เมื่อเราเปิดรับนักท่องเที่ยวฉีดวัคซีนแล้ว พวกเขาจะเดินทางมาและผ่านการทดสอบโดยมีผลตรวจเป็นลบ ซึ่งนั่นก็หมายความว่าพวกเขาจะไม่มีอาการของโรคหรือไม่เป็นพาหะของไวรัส” นายไฮเน็ค กล่าวพร้อมระบุว่า หากจังหวัดภูเก็ตสามารถดำเนินการเช่นนี้ได้ การกักตัวหรือควอรันทีนก็ไม่จำเป็นอีกต่อไป The Phuket News รายงาน

“การกักตัวถือเป็นการทำลายการท่องเที่ยว เราจะไม่มีทางที่จะกลับมาฟื้นตัวได้เลย หากยังคงมีการกักตัวอยู่” นายไฮเน็คชี้ชัด

“ถึงแม้ว่าในปัจจุบันรัฐบาลจะพยายามชูให้เห็นว่า ทุกคนพยายามทำให้การกักตัวเป็นเรื่องง่ายดาย แต่การกักตัวนั้นไม่ใช่เรื่องที่ง่ายเลย” เขากล่าวเสริม พร้อมยกตัวอย่างว่าประเทศไทยเป็นประเทศเดียวในโลกที่มีข้อห้ามในการดื่มสุราขณะกักตัวใน ALQ หรือ ASQ

“หากคุณอยู่ในสถานที่กักตัว อย่างเช่นโรงพยาบาลหรือสถานที่ที่ทางภาครัฐจัดไว้ให้ มันก็สามารถเข้าใจได้ แต่ต้องไม่ใช่ในกรณีที่คุณจ่ายค่าโรงแรมที่พักระดับห้าหรือหกดาว” เขากล่าว

นอกจากนี้นายไฮเน็คยังกล่าวถึงความล่าช้าในการทำงานของรัฐบาล ทั้งในด้านการจัดหาวัคซีน และความไม่ชัดเจนของแผนงาน และกรอบเวลาในการฉีดวัคซีนให้กับประชากรในประเทศ

“รัฐบาลควรส่งเสริมให้ภาคเอกชนเดินหน้า และอนุญาตให้ภาคเอกชนสามารถดำเนินการจัดหาวัคซีนที่ผ่านการรับรองเองได้ และควรอนุญาตให้ประชาชนนำเข้าวัคซีนที่ได้รับการรับรองคุณภาพ โดยไม่มีการแทรกแซงจากรัฐบาล” เขากล่าว

นายไฮเน็คหวังว่า ศักยภาพของเอกชนภูเก็ตจะสามารถทำให้ภูเก็ตกลับมารุ่งเรืองได้อีกครั้ง พร้อมยกภูเก็ตให้เป็นตัวอย่างที่สมบูรณ์แบบในการนำร่องบททดสอบนี้ ด้วยภูมิประเทศที่เป็นเกาะซึ่งง่ายต่อการควบคุมและบริหารจัดการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปัจจุบันประชากรของจังหวัดภูเก็ตก็ได้รับการติดตามอาการ และทุกคนต่างก็ปฏิบัติตามมาตรการเฝ้าระวังกันอยู่แล้ว

เขายกตัวอย่างความสำเร็จของมัลดีฟ ที่ขณะนี้การท่องเที่ยวสามารถกลับมายืนตรงจุดเดิม ก่อนที่จะประสบกับภาวะการแพร่ระบาดของโควิด-19 แม้จะมีข้อจำกัดของการจราจรทางอากาศ และเขาเชื่อว่าในปีแรกของการเปิดเกาะ จังหวัดภูเก็ตจะสามารถรองรับนักท่องเที่ยวได้มากถึง 10 ล้านคน เพราะภูเก็ตเองสามารถรองรับเที่ยวบินตรงจากออสเตรเลีย, ลอนดอน และประเทศในตะวันออกกลาง

ในที่ประชุม ผศ.ดร.ชยานนท์ ภู่เจริญ รองคณบดีฝ่ายวิจัยและบัณฑิตศึกษา คณะการบริการและการท่องเที่ยว มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (ม.อ.) วิทยาเขตภูเก็ต ได้นำเสนอตัวเลขที่ชี้ให้เห็นว่า ภูเก็ตต้องการนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติที่พำนักในประเทศไทยเข้ามาท่องเที่ยวในพื้นที่ เพื่อให้มีการกระตุ้นทางเศรษฐกิจ จนกว่านักท่องเที่ยวจากต่างประเทศจะสามารถเดินทางเข้ามาในจังหวัดได้ และในขณะนี้จังหวัดภูเก็ตจะรอช้าไม่ได้แล้ว เพราะภูเก็ตจำเป็นต้องรับนักท่องเที่ยวเข้ามา เพื่อมาสร้างแรงกระเพื่อมทางเศรษฐกิจ ให้ภูเก็ตสามารถก้าวผ่านวิกฤตนี้ไปให้ได้

ผศ.ดร.ชยานนท์ กล่าวว่า หากภูเก็ตสามารถเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติได้ภายในวันที่ 1 ต.ค. เราจะสามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทั้งนี้แม้ว่าการกลับเข้ามาของนักท่องเที่ยวในครั้งนี้ จะยังไม่สามารถฟื้นฟูเศรษฐกิจภูเก็ตได้เต็มที่ แต่ก็จะมีส่วนช่วยให้เกิดการจ้างงานประมาณกว่า 88,000 ตำแหน่งในพื้นที่ และในกรณีที่ภูเก็ตไม่สามารถเปิดรับนักท่องเที่ยวได้ภายในวันที่ 1 ต.ค. การที่จะได้เห็นภูเก็ตเกิดการฟื้นตัวในปีหน้าก็จะลดน้อยลง โดยมีความเป็นไปได้มากที่สุดเพียง 50%

สำหรับการใช้ชุดทดสอบอย่างง่ายและรวดเร็ว หรือ Rapid Test เพื่อตรวจหาเชื้อไวรัสและภูมิคุ้มกันในเบื้องต้นนั้น ผศ.ดร.ชยานนท์ และตัวแทนจากภาคเอกชนในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและบริการแถวหน้า ต่างก็เห็นพ้องต้องกันว่าเป็นสิ่งจำเป็นที่จะสามารถ “หยุด” การแพร่เชื้อได้ตั้งแต่หน้าประตู

วัคซีนคือทางเลือกเดียว

ตัวแทนจากแอท.เมดิเซอร์วา ผู้ดำเนินธุรกิจการขายส่งสินค้าทางเภสัชภัณฑ์และทางการแพทย์ เปิดเผยว่า ทางบริษัทพร้อมให้บริการวัคซีนแล้ว โดยวัคซีนโมเดอร์นาถูกเลือกมานำเสนอ ด้วยประสิทธิภาพที่สูงถึง 95% ต่อสายพันธุ์ของแอฟริกา ภายใต้อายุการเก็บรักษา 30 วัน ความสามารถในการขนส่งอย่างปลอดภัยที่อุณหภูมิเพียง 2-8 องศาเซลเซียส และเป็นวัคซีนที่ได้รับการยอมรับแล้วใน 40 ประเทศทั่วโลก

อย่างไรก็ตาม สำหรับคำสั่งซื้อจำนวน 1 ล้านโดส จะต้องมีการสั่งซื้อล่วงหน้า โดยทางบริษัทจะสามารถจัดส่งได้ภายใน 8 – 12 สัปดาห์ ทั้งนี้ เพื่อให้สามารถจัดหาวัคซีนได้อย่างอิสระภายใต้ข้อกำหนดจากส่วนกลาง ทางบริษัทจำเป็นต้องมีคำสั่งจากทาง ม.อ. เนื่องจากเป็นโรงเรียนแพทย์ซึ่งอยู่ในเงื่อนไขที่ได้รับอนุญาตในการสั่งซื้อวัคซีนโดยตรงได้

ทั้งนี้ตัวแทนจากแอทเมดิเซอร์วาประมาณการณ์ว่า ภายในเดือนเมษายนจะมีผู้ได้รับวัคซีนทั่วโลกจำนวน 220 ล้านคน และภายในสิ้นปีนี้ตัวเลขของผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนจะอยู่ที่ 800 ล้านถึง 1 พันล้านคน และในกรณีนี้ คาดว่าราคาสุทธิต่อโดสจะอยู่ที่ 2,500 - 2,800 บาท ซึ่งสำหรับประชากรที่อาศัยอยู่ในจังหวัดภูเก็ตแล้ว ต้นทุนที่จะนำภูเก็ตไปสู่การได้รับเกราะคุ้มกันโรคจะอยู่ที่ประมาณ 1.68 พันล้านบาท

ทั้งนี้เมื่อวันที่ 25 ก.พ. ที่ผ่านมา ภาครัฐภูเก็ตได้จัดให้มีการซ้อมขั้นตอนการรับบริการฉีดวัคซีนโควิด-19 ณ ลานม่วงขาว โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อม หลังจากถูกกําหนดให้เป็นพื้นที่ให้บริการฉีดวัคซีนโควิด-19  

 

 

แจ้งข่าว..คลิกที่นี่