ไทยไม่ติดท็อป 10 ศักยภาพท่องเที่ยว WEF “ทำลายธรรมชาติ-วัฒนธรรมไม่ดึงดูด”

ท่องเที่ยว - โพสต์ทูเดย์ รายงานว่า สัปดาห์ที่แล้วมาสเตอร์การ์ด (Mastercard) เผยว่ากรุงเทพมหานคร ยังคงครองแชมป์อันดับ 1 ของเมืองน่าเที่ยวที่สุดในโลกติดต่อกันเป็นปีที่ 4 ซึ่งสร้างความภูมิใจให้กับคนไทยไม่น้อย แต่ในเวลาไล่เลี่ยกัน เวิลด์ อีโคโนมิก ฟอรัม (World Economic Forum หรือ WEF) เปิดเผยผลการจัดอันดับประเทศที่มีศักยภาพด้านการท่องเที่ยว ปรากฎว่า 10 อันดับแรกไม่มีประเทศไทยอยู่ด้วย

ข่าวภูเก็ต

วันศุกร์ ที่ 13 กันยายน 2562, เวลา 10:44 น.

ภาพ โพสต์ทูเดย์

ภาพ โพสต์ทูเดย์

จากรายงานของโพสต์ทูเดย์ระบุว่า การจัดอันดับโดย WEF พบว่า ประเทศที่มีศักยภาพด้านการท่องเที่ยวอันดับที่ 1 คือสเปน อันดับที่ 2 คือฝรั่งเศส อันดับที่ 3 คือเยอรมนี และในภูมิภาคเอเชียของเราก็มีเพียงประเทศญี่ปุ่นที่สามารถรั้งอันดับที่ 4 และเป็นเพียงแห่งเดียวจากเอเชีย ที่ยังมีชื่อติดอยู่ในท็อป 10 ขณะที่ประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 31 ของโลก ถูกทิ้งห่างจากสิงคโปร์ในอันดับที่ 17 และพ่ายแพ้ให้แม้แต่มาเลเซียที่อยู่ในอันดับที่ 29 จึงเกิดคำถามขึ้นมาว่า จริง ๆ แล้วเมืองไทยเป็นเมืองท่องเที่ยวในสายตาชาวโลกอย่างเต็มที่หรือไม่ หรือมีแค่กรุงเทพฯ และเมืองหลัก ๆ ไม่กี่แห่งที่เป็นแม่เหล็กดึงดูดให้คนเดินทางมา

โพสต์ทูเดย์ อธิบายอีกว่า "การจัดอันดับนี้วัดจากศักยภาพโดยรวมของประเทศนั้น ๆ (Travel & Tourism Competitiveness) โดยวัดกันทุกทุก 2 ปี พิจารณาจากเงื่อนไขด้านการอำนวยความสะดวกเป็นหลัก เมื่อพิจารณาจากแต้มการให้คะแนนโดยรวมในปี 2019 ไทยได้ไป 4.5 คะแนนเต็ม 10 คะแนน ดีขึ้นจากปี 2017 ที่ได้ไป 4.4 คะแนน อยู่ในอันดับที่ 34 และดีกว่าปี 2015 ที่ได้ 4.3 คะแนน ในอันดับ 35 ของโลก"

“การวัดปัจจัยด้านต่าง ๆ โดยรวมดีขึ้น เช่น ความปลอดภัยดีขึ้น ความสะอาดดีขึ้น ความพร้อมด้าน ICT ก็ดีขึ้นเช่นกัน รวมสาธารณูปโภคด้านการท่องเที่ยวที่ปรับดีขึ้น ส่วนที่เท่าเดิมคือการเดินทางทางอากาศ แต่ที่แย่ลงคือทรัพยากรธรรมชาติ ได้แค่ 4.8 คะแนนอยู่อันดับที่ 10 ของโลก เมื่อแยกส่วนดูจะพบว่า ความน่าดึงดูดใจของทรัพยากครธรรมชาติลดลง โดยได้ 6 คะแนน คะแนนด้านพื้นที่อนุรักษ์ก็ลดลง ส่วนการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและทางธุรกิจก็แย่ลง โดยได้แค่ 2.6 คะแนนเท่านั้น ในอันดับที่ 35โดยรวมแล้วในส่วนของ Naturalresources และ Culturalresources &business travel ของไทยเป็นประเภทที่มีคะแนนน้อยที่สุด” โพสต์ทูเดย์ กล่าวในรายงาน

นอกจากนี้ WEF ถึงกับยกกรณีของไทยเป็นตัวอย่างของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่ทำลายสิ่งแวดล้อมอย่างหนัก โดยระบุว่า "ปัญหาคือ ไม่ว่าที่ใดก็ตามที่มีนักท่องเที่ยวจำนวนมากเดินทางมา ความยุ่งยากก็จะตามมา ลองดูกรณีของอ่าวที่สวยงามในประเทศไทยที่ได้รับความนิยมจากภาพยนตร์เรื่อง The Beach ซึ่งตอนนี้ถูกบังคับให้ต้องปิดตัวไปอย่างไม่มีกำหนด เพราะความเสียหายทางนิเวศวิทยาในวงกว้างต่อปะการัง น้ำทะเล และชีวิตของพืชน้ำ" (อ่านโพสต์ทูเดย์ คลิก)

จากกรณีภาพยนตร์เรื่อง The Beach ที่ได้มาถ่ายทำในเมืองไทย และนำมาซึ่งความนิยมจากผู้คนทั่วโลก จนนำไปสู่การปิดอ่าวโดยไม่มีกำหนด ภายหลังจากการประกาศปิดอ่าวมาหยาในเดือนมิถุนายน 2561 เหล่าคนรักทะเลก็ได้ร่วมไม้ร่วมมือกันฟื้นฟูธรรมชาติ ที่ถูกทำลายอย่างบอบช้ำจากอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว

หนึ่งในกลุ่มคนรักทะเลและผู้ที่มีส่วนอย่างมากในการผลักดันก็คือ ผศ.ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ หรือ “อาจารย์ธรณ์” อาจารย์ประจำภาควิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ นักวิทยาศาสตร์ทางทะเล แฟนพันธุ์แท้ทะเลไทย ที่ครั้งหนึ่งได้ร้องเฮออกมาแบบดัง ๆ ต่อสาธารณชน พร้อมไปกับการเปิดเผยข่าวดีเรื่องการฟื้นตัวของแนวปะการังอ่าวมาหยา

โดยบทความที่ อ.ธรณ์เขียนขึ้นนั้น ได้มีผู้ติดตามเข้ามาแสดงความคิดเห็น พร้อมกล่าวชื่นชมเป็นจำนวนมาก  ในช่วงท้ายแฟนพันธุ์แท้ทะเลไทยก็ได้สอดสานถ้อยคำขอโทษต่อปะการังที่ยืนขึ้นสู้เพื่อพวกเขาช้าเกิดไป ปล่อยให้ปะการังเหล่านั้นถูกย่ำยีเสียนาน พร้อมกับให้คำมั่นสัญญากับเหล่าปะการังน้อยว่า เขาเหล่านั้นจะได้เติบโตในน้ำใสแห่งอ่าวมาหยา และทะเลจะแสดงให้เห็นว่า ทำไมพีพีถึงเคยเป็นเกาะสวยที่สุด 1 ใน 5 ของโลก และปะการังเหล่านี้จะทำให้พีพีกลับมาเป็นเกาะที่สวยที่สุดในโลกอีกครั้ง (อ่านเพิ่มเติม คลิก

ในอดีตแหล่งท่องเที่ยวของจังหวัดกระบี่แห่งนี้ที่มีพื้นที่เพียง 250 x 15 เมตร แต่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวได้กว่าล้านคนต่อปี - มีจำนวนนักท่องเที่ยวมากกว่า 4,000 คนต่อวัน นับตั้งแต่ได้มีการถ่ายทำหนังฮอลลีวูดชื่อดังในปี 2000 เรื่องThe Beach นำแสดงโดย ลีโอนาร์โด ดีแคพริโอ และแน่ชัดว่าภายหลังจากการประกาศปิดอ่าวในครั้งนั้น พวกเราต้องยกความดีความชอบให้เจ้าหน้าที่ผู้ดูแลรักษาพื้นที่แห่งนั้น ที่ได้ให้ความสำคัญกับการดูแลฟื้นฟูปะการังมากกว่าเงินตรา (อ่านเพิ่มเติม คลิก)

“เมื่อเรายืนแล้ว เราจะไม่ล้ม มันจะไม่มีการถอยหลังอีกแล้ว! จะไม่มีเรือท่องเที่ยวเข้ามาในอ่าวมาหยาอีกแล้ว จะไม่มีทรายฟุ้งกระจายท่วมทับพื้นอีกต่อไป” อ.ธรณ์ กล่าวไว้เมื่อเดือนสิงหาคม 2561

 

 

 

แจ้งข่าว..คลิกที่นี่