เยี่ยม ‘พังน้ำฝน’ ช้างของกลางปี 56 แข็งแรงดี คดียังไม่สิ้นสุด

ภูเก็ต - หัวหน้าศูนย์ศึกษาธรรมชาติและสัตว์ป่าเขาพระแทว ลงพื้นที่ตรวจสอบสุขภาพและสภาพการเลี้ยงดูช้างของกลางจำนวน 1 เชือก ณ ปางช้างภูชาดา ตั้งอยู่ในพื้นที่ตำบลราไวย์ อำเภอเมืองภูเก็ต โดยผู้เลี้ยงดูได้เคลื่อนย้ายช้างเชือกดังกล่าวมาจากปางช้างไสยวน (ภูเก็ต ซาฟารี) ต.ราไวย์ สุขภาพของช้างจากการสังเกตด้วยสายตา สมบูรณ์แข็งแรงดี

จุฑารัตน์ เปลรินทร์

วันพฤหัสบดี ที่ 18 กรกฎาคม 2562, เวลา 15:17 น.

ภาพ ศูนย์ศึกษาธรรมชาติและสัตว์ป่าเขาพระแทว

ภาพ ศูนย์ศึกษาธรรมชาติและสัตว์ป่าเขาพระแทว

นายพงศ์ชาติ เชื้อหอม หัวหน้าศูนย์ศึกษาธรรมชาติและสัตว์ป่าเขาพระแทว กล่าวว่า บ่ายวานนี้ (17 ก.ค.) ได้ลงพื้นที่ปางช้างภูชาดา ราไวย์ เพื่อเข้าตรวจสอบสุขภาพและสภาพการเลี้ยงดู “พังน้ำฝน” ประจำเดือนกรกฎาคม 2562 ซึ่งช้างเชือกดังกล่าวเป็นช้างของกลาง ซึ่งทางกองปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือ ปทส.ได้ทำการอายัดเอาไว้

โดยผู้เลี้ยงดูได้เคลื่อนย้ายช้างตัวดังกล่าวมาจากปางช้างไสยวน (ภูเก็ต ซาฟารี) ต.ราไวย์ อำเภอเมืองภูเก็ต ปรากฏว่าสุขภาพของช้างจากการสังเกตด้วยสายตา สมบูรณ์แข็งแรง สอบถามจากควาญช้างแล้วไม่มีอาการผิดปกติแต่อย่างใด ส่วนสภาพการเลี้ยงดูทั่วไป มีความเหมาะสม

ทั้งนี้ พังน้ำฝนเป็นหนึ่งในช้างของกลางที่ถูกอายัดไว้เมื่อปี 2556 ภายหลังจาก ปทส.ได้ทำการสนธิกำลังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าตรวจยึดช้างสวมตั๋วรูปพรรณช้างในภูเก็ตจำนวน 7 เชือก

สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดภูเก็ต รายงานว่า เมื่อวันที่ 21 ส.ค. 2556 พล.ต.ต.นรศักดิ์ เหมนิธิ ผบก.ปทส (ในขณะนั้น) พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจปทส.พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย กรมอุทยานสัตว์ป่าและพันธุ์พืช, กรมป่าไม้, องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ หรือ ออป., สำนักงานปศุสัตว์, ตำรวจทางหลวง, ตำรวจน้ำ จังหวัดภูเก็ต และชุดเฉพาะกิจ ปทส.ตร. ได้เข้าตรวจสอบช้างชื่อพังน้ำเพชร อายุประมาณ 3 - 4 ปี ตามตั๋วรูปพรรณช้าง เลขที่ ก 0041696 ฉบับที่ 43/2556 ซึ่งอายัดไว้ที่ปางช้างกินรี หมู่ที่ 4 ต.ราไวย์ เพื่อทำการยึดช้างเพื่อประกอบคดี โดยทำการตรวจสอบไมโครชิพ เก็บตัวอย่าง DNA พร้อมทั้งตรวจสุขภาพช้าง

สืบเนื่องจากการตรวจสอบตัวช้างตามตั๋วรูปพรรณช้างจำนวน 69 ฉบับ ที่ นายสุรัตน์ เติมศักดิ์ ได้ดำเนินการยื่นเรื่องขอออกตั๋วรูปพรรณช้าง พบว่าช้างซึ่งอ้างตามตั๋วรูปพรรณดังกล่าว จำนวน 26 เชือก ซึ่งในขณะนั้นอาศัยอยู่ที่จังหวัดพังงา 5 เชือก ภูเก็ต 7 เชือก กระบี่ 2 เชือก กาญจนบุรี 2 เชือก สุรินทร์ 6 เชือก ชัยภูมิ 1 เชือก ชลบุรี 1 เชือก และจังหวัดตราดอีก 2 เชือก โดยได้ทำการอายัดช้างทั้ง 26 เชือกไว้กับผู้ครอบครองช้างในแต่ละพื้นที่

พล.ต.ต.นรศักดิ์ กล่าวเมื่อครั้งลงพื้นที่ปี 56 ว่า พนักงานสอบสวน ปทส. ได้ดำเนินคดีกับนายสุรัตน์ รวมทั้งผู้ครอบครองช้างและผู้ที่เกี่ยวข้อง ในข้อหา “แจ้งให้เจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่จดข้อความอันเป็นเท็จในเอกสารราชการ ซึ่งมีวัตถุประสงค์ใช้เป็นพยานหลักฐานโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน” ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 267

นอกจากนี้ ยังได้ดำเนินคดี เพิ่มเติมในข้อหา “ร่วมกันมีไว้ในครอบครองซึ่งสัตว์ป่าคุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ และช่วยซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ช่วยพาเอาไปเสีย หรือรับไว้ด้วยประการใด ๆ ซึ่งสัตว์ป่าอันได้มาโดยการกระทำความผิด” ตาม พ.ร.บ. สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 มาตรา 19,55

ในขณะนั้นเจ้าหน้าที่นำโดย ปทส.ได้นำหมายศาลจังหวัดภูเก็ต ซึ่งได้ออกหมายค้นแก่คณะให้เข้าทำการตรวจค้นสถานที่ซึ่งได้อายัดช้างไว้ เพื่อยึดช้างประกอบสำนวนการสอบสวน

พล.ต.ต. นรศักดิ์ อธิบายเพิ่มเติมอีกว่า สำหรับการออกตั๋วรูปพรรณช้างนั้น โดยปกติจะทำการออกตั๋วรูปพรรณช้างให้เมื่อช้างมีอายุ 8 ปี ซึ่งภายหลังจากทำการตรวจยึดช้าง ทางคณะก็ได้ทำการฝากช้างไว้กับผู้ครอบครองช้างในพื้นที่เพื่อดูแลต่อไปก่อน จนกว่าคดีจะสิ้นสุด ตามนโยบายของอธิบดีกรมป่าไม้ เนื่องจาก การจัดส่งช้างเพื่อให้อยู่ในความดูแลของศูนย์อนุรักษ์ช้างไทยที่จังหวัดลำปาง ต้องใช้ค่าใช้จ่ายในการเดินทางขนส่งค่อนข้างสูง และความเสี่ยงต่อช้างซึ่งอาจจะเสียชีวิตระหว่างทางได้

สำหรับช้าง 7 เชือกในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตที่ทาง ปทส.ได้อายัดไว้ ประกอบด้วย ช้างน้ำเพชร อายัดไว้ที่ปางช้างกินรี, ช้างพังต้นข้าว อายัดไว้ที่ โรงแรมเจดับบลิวแมริออท, ช้างบุญหลายอายัดไว้ที่ อีโค อีเลฟเฟนท์ ไลด์ดิ่ง, ช้างพังน้ำฝน อายัดไว้ที่ปางช้างไสยวน, ช้างบุญรอดอายัดไว้ที่ ปางช้างซีวิวฯ, ช้างน้ำฝน อายัดไว้ที่บ้านไม่มีเลขที่ ทางขึ้นเขาพระใหญ่ และช้างพลายพิมาย อายัดไว้ที่แคมป์กะหลิม

อย่างไรก็ตาม จนถึงปัจจุบันคดีนี้ยังไม่ถึงที่สิ้นสุด เพราะฉะนั้นช้างที่ถูกอายัดไว้ จึงยังคงต้องได้รับการดูแลจากผู้ดูแลในพื้นที่ต่อไป

ข้อมูล : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดภูเก็ต 

 

 

 

 

แจ้งข่าว..คลิกที่นี่