สำนักข่าวอิศรา รายงานว่า วานนี้ (17 พ.ย.) นางจิรัชญา สิทธิโชค อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 49/18 ม.3 ต.เชิงทะเล อ.ถลาง จ.ภูเก็ต พร้อมพวก ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.กมลา ว่า เมื่อวันที่ 16 พ.ย.ที่ผ่านมา ได้ถูกชายฉกรรจ์อ้างตัวเป็นเทศกิจจำนวน 5 คน โดยมาแจ้งว่ามีความจำเป็นที่จะต้องจับกุมตามคำสั่งจังหวัดภูเก็ต จากนั้นจึงได้ช่วยกันขนย้ายอุปกรณ์กีฬากระดาษโต้คลื่น แบบยืนพาย 2 ลำ และเรือคายักแบบใส 1 ลำ พร้อมไม้พาย โดยระบุว่ามูลค่าความเสียหายรวมค่าขนส่งประมาณกว่า 1 แสนบาท
นายสัญญา คนเพียร หัวหน้า เทศกิจ อบต. กมลา เปิดเผยกับ The Phuket News ภายหลังจากตกเป็นข่าวกรณีตรวจยึดกระดานโต้คลื่นจากเอกชนว่า ไม่ได้มีการควบคุมตัว เพียงแค่ยึดอุปกรณ์ตามคำสั่งนายกอบต.กมลา และค่าปรับในกรณีนี้คือ 200 บาท โดยในเบื้องต้นผู้ประกอบการยืนยันว่าจะเข้ามาจ่ายค่าปรับที่สำนักงานในช่วงเย็นของวันเกิดเหตุ แต่กลับเดินทางเข้าไปแจ้งความที่สภ.กมลาดังที่เป็นข่าว
“เขาไปตั้งนอกที่กำหนดให้มีการประกอบกิจการบริเวณชายหาดตามคำสั่งของจังหวัด ในการจัดระเบียบชายหาด ซึ่งทางเราได้รับการร้องเรียนจากผู้ประกอบการกระดานโต้คลื่นหลายครั้ง ซึ่งของกมลามีอยู่ประมาณ 6 จุด แต่รายนี้ได้ไปตั้งนอกโซนซึ่งห่างออกไปมากกว่า 500 เมตร บริเวณทางลงหาดของโรงแรม เพื่อให้ลูกค้าในโรงแรมเข้ามาใช้บริการ ทำให้กลุ่มผู้ประกอบการภายในโซนไม่พอใจ และแจ้งว่าหากรายนี้ทำได้ พวกเขาก็จะออกไปอยู่นอกโซนเช่นกัน เพราะภายในโซนไม่มีลูกค้ามาใช้บริการเลย” นายสัญญา กล่าว
“ทางเราได้มีการเตือนและขอร้องแล้วหลายครั้ง มีการเรียกประชุมเพื่อรับทราบระเบียนข้อปฏิบัติประกาศจังหวัด เรื่องการจัดระเบียบชายหาดแล้วหลายครั้ง ได้พูดคุยในเรื่องการแบ่งโซน และกลุ่มนี้อยู่ที่หาดสุรินทร์ก็ได้รับทราบในเรื่องนี้เป็นอย่างดี โดยครั้งล่าสุดได้มีขึ้นเมื่อวันที่ 5 พ.ย.ที่ผ่านมา”
“คุยกันแล้วก็เหมือนจะฟัง แต่ก็ยังทำแบบเดิม จนกระทั่งวันที่เกิดเรื่อง ทางเราได้มีการหารือกับท่านนายกอบต.กมลา และท่านได้สั่งให้ไปยึดมา พวกเราก็ออกไปปฏิบัติตามหน้าที่ ก่อนเกิดเหตุได้มีการสอบถามแล้วว่าใครเป็นเจ้าของกระดานโต้คลื่น ก็ไม่มีใครรับ จะมาตั้งตรงนี้ทำอะไร มีคนหนึ่งบอกว่า ลูกว่าค้าเพิ่งเล่นเสร็จ อย่ายึดไปนะ ซึ่งก็รู้อยู่แล้วว่าห้ามประกอบกิจการนอกโซน ต่อมาได้มีคนมาแสดงตนเสียค่าปรับ ผมก็บอกเชิญที่สำนักงานเพื่อเสียค่าปรับ 200 บาท ซึ่งเขาแจ้งว่าจะเข้าไปจ่ายค่าปรับในตอนเย็น แต่ก็ไม่เห็นมาผมตั้งใจว่าในช่วงเช้าจะเข้าไปลงบันทึกประจำวันที่สภ.กมลา และก็พบว่าทางเขาเข้าไปแจ้งความตามที่เป็นข่าว” นายสัญญา อธิบาย
สำหรับกรณีพกปืนในที่สาธารณะนายสัญญายืนยันว่ามีใบอนุญาต ออกโดยนายอำเภอในฐานะนายทะเบียนตามกฎหมาย และพกตามหน้าที่เพื่อป้องกันตัวในการปฏิบัติงานรักษาความเรียบร้อยและความมั่นคง
ทางด้าน พ.ต.อ.ชัยพฤกษ์ ผาติวรากร ผกก.สภ.กมลา กล่าวว่า ทราบเรื่องดังกล่าวแล้ว และได้สั่งการให้พนักงานสอบสวนให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย และในขณะนี้อยู่ในระหว่างการสืบสวนสอบสวน รวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
"สำหรับการตั้งข้อกล่าวหายังไม่ยืนยัน เพราะขณะนี้ยังอยู่ในระหว่างการสืบสวนสอบสวน รวบรวมพยานหลักฐานให้ได้มากที่สุด และให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย" พ.ต.อ.ชัยพฤกษ์
