สัมภาษณ์พิเศษไอคอนใหม่แห่งมิติการแข่งรถเมืองไทย

แข่งรถ - เริ่มต้นด้วยเสียงอันดังกึกก้อง แทรกลึกลงไปในโสตประสาทการรับฟัง บรรดาผู้ชมบนอัฒจรรย์อ้าปากค้าง และจากนั้นก็กลับกลายเป็นความเงียบงัน ด้วยเวลาที่เหลือเพียงแค่ 7 นาที ในระหว่างการฝึกซ้อมรอบสุดท้ายสำหรับการแข่งขันกรังด์ปรีซ์จีน หรือ Chinese Grand Prix, อเล็กซานเดอร์ อัลบอน (Alexander Albon) จากประเทศไทย สูญเสียการควบคุมรถของเขาที่ทางออกคอร์นเนอร์สุดท้าย เพราะเขาดูจะโลภมากเกินไปกับการบดคันเร่งในขณะขับขี่บนเคิร์บ ทำให้รถเขาต้องถึงกับหมุนปั่นไปรอบ ๆ และเหวี่ยงเขาไปชนเข้ากับกำแพงผนังยางด้วยแรง 49G

ข่าวภูเก็ต

วันเสาร์ ที่ 11 พฤษภาคม 2562, เวลา 15:00 น.

กลุ่มเมฆหมอกพวยพุ่งบวกกับเครื่องยนต์ที่พังเสียหาย ทำให้เขาไม่สามารถกลับเข้าสู่สนามการแข่งขันได้ ทำให้เจ้าโตโร่ รอซโซ่ (Toro Rosso) ของเขาต้องหลับพักผ่อนไปในที่สุด ส่วนอเล็กซ์เองเดินออกมาจากรถโดยไร้รอยขีดข่วน แต่ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับรถคู่ใจของเขานั้นมันมากเกินกว่าจะซ่อมแซมให้แล้วเสร็จทันแข่งในรอบคัดเลือก (Qualifying) ซึ่งเขาตั้งเป้าเอาไว้ที่ 1 ใน 10 แต่จากการแข่งขันในวันเสาร์ของเขานั้น ทำให้ต้องหยุดชะงักไปอย่างน่าเสียดาย

แต่สำหรับเส้นทางของรถสูตรหนึ่ง (Formula One) ข้อกำหนดของนักแข่งที่จะเรียกว่าเจ๋งได้ คือการพิสูจน์ความสามารถในการก้าวข้ามความผิดพลาดของตัวเองและกลับเข้าสู่สนามแข่ง

อเล็กซ์ ในวัย 23 ปีเริ่มต้นจากท้ายสุดสู่พิทเลน ทำผลงานการควบคุมรถสุดเฉียบด้วยการขึ้นแซงถึง 8 ครั้งในสนามแข่งและหยุดเพียง 1 พิทเพื่อเปลี่ยนยาง ซึ่งมีเพียงนักแข่งจำนวน 4 คนเท่านั้นที่สามารถใช้กลยุทธ์เดียวกันนี้ได้ ทำให้เขาจบที่อันดับ 10 และสามารถเก็บคะแนนในรอบสุดท้ายของการแข่งขันไปได้ ซึ่งถือเป็นการขับที่ทรงพลังและมีฝีมือเป็นอย่างมาก กับการแข่งกรังปรีซ์ครั้งที่สามของเขา และเห็นได้ชัดว่ามันเกิดจากจิตใจอันแข็งแกร่งของเขา กับการสร้างความประทับใจสูงสุดภายในสนาม
ทว่าอเล็กซ์นั้นเคยได้ต่อสู้กับความพ่ายแพ้และผิดหวัง ซึ่งแน่นอนว่าเพียงแค่การเข้ามาแข่งเอฟวัน หรือรถสูตรหนึ่งนั้นก็ถือเป็นการต่อสู้ดิ้นรนอันยาวนานถึง 6 ปีมาแล้ว ตั้งแต่ที่เขาต้องตกจากทีมเรดบูลจูเนียร์ในปลายปี 2012

“ผมรู้มาตลอดว่ามันต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน เพราะผลลัพธ์ที่ออกมานั้นไม่ดี” อเล็กซ์ยอมรับอย่างตรงไปตรงมากับ The Phuket News ที่สนามแข่งในเซี่ยงไฮ้ “พูดตรง ๆ เลยว่ามันไม่มีเหตุผลที่ผมต้องไปต่ออีกปีกับเรดบูล เพราะฉะนั้นผมต้องเตรียมตัวเอาไว้ให้พร้อม”

“มันเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบาก แต่ในขณะเดียวกันก็ถือเป็นประสบการณ์ที่ดี และมีคุณค่าทางจิตใจ เพราะมันทำให้คุณมีความปรารถนาและความกระตือรือร้น ที่จะแสดงออกและพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่า ‘เราก็ดีพอ’ และจะกลับมาแข็งแกร่งยิ่งกว่า”

แชมป์โลกรายการรถแข่งโกคาร์ทจูเนียร์สามารถระดมทุนมากพอที่จะเข้าร่วมการแข่งขันซีรีส์ European Formula Renault 2.0 อีกครั้ง และตั้งใจว่าจะลงแข่งคนเดียว ซึ่งเขาเองก็ค่อย ๆ สร้างโมเมนตัมของตัวเอง เขาจบอันดับสามในซีรีส์นั้นภายในปี 2014 และกระโดดไปตำแหน่งสนับสนุน F1 ของ GP3 ในปี 2016 ที่เขาได้อันดับรองชนะเลิศเป็นรองแค่ ชาร์ลส เลคเลอร์ซ (Charles Leclerc) นักแข่งที่ได้รับการสนับสนุนจาก Ferrari

สองฤดูกาลในการแข่งรถสูตรสอง (Formula Two) ได้สร้างปรากฏการณ์ใหม่ให้เขาเกิดขึ้นมาในฐานะนักแข่งรุ่นเยาว์ แต่ถึงกระนั้นแม้ว่าในปี 2018 ที่เขาสามารถคว้าอันดับในรอบสุดท้ายกับการแข่งขันกับแชมป์อย่าง จอร์จ รัสเซล (George Russell)

ประตูสู่เอฟวันก็ยังคงปิดตายสำหรับนักแข่งรถชาวไทย และยังคงปิดอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งความไปกันไม่ได้ระหว่าง โตโร่ รอซโซ่ กับอดีตนักแข่งอย่าง เบรนดอน ฮาร์ทลีย์ (Brendon Hartley) ที่ทำให้ประตูแห่งเส้นทางเอฟวันของเขาได้เปิดออกอีกครั้งหนึ่ง

“ผมทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมและดีที่สุดในสนามการแข่งขันในช่วงปลายปี ซึ่งมีผลอย่างมากต่อการสร้างชื่อเสียง… ก่อนจะได้รับสายโทรศัพท์และตอบไปว่า “โอ้! โอเค เริ่มกันเลย! เพราะนี่คือสิ่งที่ผมต้องการตลอดมา”

ทว่าการได้เข้าไปสู่การแข่งรถสูตรหนึ่งนั่นก็เป็นเรื่องหนึ่ง แต่การพยายามสร้างผลงานให้ดีนั้นก็ค่อนข้างจะเป็นอีกเรื่องหนึ่งเลยทีเดียว และในฐานะมือใหม่คนสุดท้ายที่จะได้เซ็นสัญญาแข่งในปี 2019

อเล็กซ์อยู่ในจุดที่เรียกได้ว่าเขาไม่มีการเตรียมตัว และไม่ได้มีการฝึกซ้อมเลยตลอดปี 2018 หรือแม้แต่การเข้าทำบททดสอบใด ๆ

“ผมไม่ได้มีโอกาสนั้นเลย” เขากล่าว “ หากคุณรู้ล่วงหน้าว่าสวิตช์เหล่านั้นใช้งานยังไง เปิดแบบไหน และคุณจะต้องตอบสนองอย่างไรบ้าง มันจะทำให้คุณอยู่ในตำแหน่งที่แข็งแกร่งกว่ามากเลยทีเดียว”

“ผมคิดว่าผมพร้อมและเตรียมตัวมาอย่างดีจากนอกตัวรถ แต่แน่นอนว่ามันจะมีช่วงเวลาที่รู้สึกว่า ‘มันจะเป็นอย่างไรต่อไป’ เพราะว่านี่คือก้าวที่ยิ่งใหญ่”

การทดสอบเริ่มต้นขึ้นอย่างไม่เป็นท่า เพราะรถของเขาหมุนปั่นและจอดนิ่งค้างเติ่งบนก้อนกรวดในสนาม “มันทำให้ความมั่นใจของผมลดต่ำลงมาก!” แต่เขาก็กลับขึ้นมาได้อย่างรวดเร็วกับการขับรถของเขาที่สนาม Circuit de Barcelona-Catalunya และพิสูจน์ฝีมือของเขาเคียงข้างเพื่อนร่วมทีมที่มีประสบการณ์มากกว่าอย่าง ดานีล ควาท (Daniil Kvyat)

เห็นได้ชัดเจนว่าอเล็กซ์เติบโตและสร้างความเชื่อมั่นได้อย่างดีเยี่ยมกับ Toro Rosso STR14 เมื่อเขามีความเป็นมาตรฐานชี้วัดในสนามแข่ง แน่นอนว่ากับอายุที่ยังน้อย แต่อัลบอนก็เป็นอีกคนที่ถูกจับตามองในฐานะนักแข่ง F1

เขาคือนักแข่งรถผู้ถือสองสัญชาติคือบริติช-ไทย ซึ่งคุณพ่อของเขาเองก็ยังเป็นอดีตนักแข่งและแม้ว่าเขาอาจจะหลุดเรดาร์ไปบ้างในช่วงก่อนฤดูกาลแข่งขัน แต่เขาเองก็ภาคภูมิใจในการลงแข่งในสนามภายใต้ธงชาติไทย

“ผมเลือกสัญชาติไทย” เขากล่าว “ผมมองว่าตัวเองเป็นคนไทย ผมสนิทกับแม่มาก รวมไปถึงสมาชิกในครอบครัวทุกคนในประเทศไทย และผมก็ไปเยี่ยมพวกเขาบ่อย ๆ ผมนับถือศาสนาพุทธ และผมก็รู้สึกว่าประเทศไทยคือบ้านของผม”

แต่เขาก็ไม่ใช่นักแข่งคนแรกที่ลงแข่งขันในสนามฟอร์มูล่าวันภายใต้ธงชาติไทย เพราะพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าพีรพงศ์ภาณุเดช หรือ พระองค์พีระ ทรงลงแข่งขันในฐานะนักแข่ง ในระหว่างปี ค.ศ. 1950 ถึง 1954 พระองค์ทรงชนะเลิศการแข่งรถกรังด์ปรีซ์ในยุโรปอีกหลายครั้ง และทรงเป็นนักแข่งคนแรกของไทยที่ได้เข้าร่วมการแข่งขันรายการแข่งรถสูตรหนึ่งชิงแชมป์โลก นอกจากนั้นพระองค์ยังทรงเป็นผู้เข้าแข่งขันกีฬาเรือใบในการแข่งระดับโอลิมปิกอีกด้วย

พระองค์ทรงใช้สีฟ้าและเหลืองในการแข่งขันบนสนาม ซึ่งทั้งสองสีก็ถูกใช้อย่างโดดเด่นบนหมวกกันน็อคของอัลบอน และสำหรับการแข่งขันชิงแชมป์โลกครั้งที่ 1,000 ในประเทศจีน เพื่อเป็นการสรรเสริญพระองค์พีระ ในฐานะผู้ที่ทรงบุกเบิกและนำทางบนเส้นทางนักแข่งรถให้ชาวไทย

“ผมมีความรู้สึกส่วนตัวว่าผมมีความเชื่อมโยงบางอย่างกับพระองค์พีระ เพราะพระองค์ท่านเองก็ทรงเคยศึกษาอยู่ที่ประเทศอังกฤษ” อเล็กซ์ กล่าว “มันอาจจะฟังดูเชย ๆ ไม่ได้บอกว่าผมมีบางอย่างที่เหมือนกับพระองค์ท่าน แต่ผมมองเห็นว่ามันมีความสัมพันธ์บางอย่าง”

สำเนียงการพูดภาษาอังกฤษที่เปล่งออกมาในแบบผู้ดีอังกฤษอันอ่อนโยนอาจจะปกปิดความเป็นไทยของเขา แต่อเล็กซ์ อัลบอน คือบทล่าสุดในหน้าประวัติศาสตร์การแข่งรถของเมืองไทย และแม้ว่าเขาอาจจะไม่ได้มีเชื้อสายหรือภูมิหลังอันสูงส่งและยิ่งใหญ่เยี่ยงพระองค์ผู้ทรงเป็นผู้นำทางของเขา และเป็นที่รู้จักบนเส้นทางแห่งรถสูตรหนึ่ง แต่ในไม่ช้านี้ อเล็กซ์อาจจะได้รับการยกย่องอย่างสูงสุดในโลกแห่งสนามการแข่งขันเอฟวันก็เป็นได้

Michael Lamonato : เรื่อง

 

 

 

แจ้งข่าว..คลิกที่นี่