สหรัฐฯ สนับสนุนไทยต่อสู้กับโควิด-19 เตรียมแบ่งวัคซีนอย่างน้อย 80 ล้านโดสทั่วโลก

วันนี้ (4 มิ.ย.) สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ประชาสัมพันธ์ความคืบหน้าการสนับสนุนไทยในการต่อสู้กับโรคโควิด-19 โดยในเบื้องต้นรัฐบาลสหรัฐฯ ได้ประกาศกรอบความร่วมมือเพื่อแบ่งปันวัคซีนจำนวน 80 ล้านโดสทั่วโลกภายในสิ้นเดือนมิถุนายนนี้ ซึ่งในแผนการส่งมอบวัคซีน 25 ล้านโดสแรก จะมีวัคซีนจำนวน 7 ล้านโดสที่มอบให้กับประเทศต่าง ๆ ในเอเชีย รวมถึงประเทศไทย โดยเพิ่มเติมจากความช่วยเหลือมูลค่า 4,000 ล้านเหรียญที่สหรัฐฯ ได้ประกาศว่าจะมอบให้กับโครงการ COVAX

ข่าวภูเก็ต

วันศุกร์ ที่ 4 มิถุนายน 2564, เวลา 18:06 น.

นอกจากนี้ รัฐบาลสหรัฐฯ ได้มอบความช่วยเหลือให้ไทยเพื่อรับมือกับโรคโควิด-19 รวมมูลค่า 30 ล้านเหรียญ โดยในจำนวนนี้เป็นการบริจาคเครื่องช่วยหายใจ หน้ากากอนามัย แว่นตานิรภัย และอุปกรณ์ป้องกันรวมมูลค่า 17.5 ล้านเหรียญให้กับแพทย์และพยาบาลไทย รวมทั้งความช่วยเหลือแก่ผู้ลี้ภัยในค่ายตามแนวชายแดน ในขณะเดียวกันศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติ สหรัฐฯ (U.S. CDC) ได้มอบความช่วยเหลือเพิ่มเติมมูลค่า 13 ล้านเหรียญ โดยทำงานเคียงบ่าเคียงไหลกับกระทรวงสาธารณสุขของไทย

ทั้งนี้ สหรัฐฯ ประกาศส่งเสริมการตอบโต้โรคโควิด-19 ของไทยในทุกระดับ ทั้งในส่วนของการตรวจหาการติดเชื้อ, การเฝ้าระวังชายแดน, การรักษา, การพัฒนาวัคซีนและยา, การบริจาคชุด PPE, โครงการให้ความรู้กับผู้อพย, การช่วยเหลือผู้กักตัว และการวิจัย

การตรวจหาการติดเชื้อ: องค์การเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐอเมริกา (USAID) ตลอดจน U.S. CDC และกองทัพสหรัฐฯ ได้ช่วยเหลือรัฐบาลไทยในการเสริมสร้างศักยภาพการตรวจวินิจฉัย โดย USAID ช่วยไทยยืนยันผู้ป่วยโควิด-19 รายแรกที่เดินทางมาจากต่างประเทศเมื่อเดือนมกราคม 2563

การเฝ้าระวังชายแดน: U.S. CDC พัฒนาศักยภาพโครงการเฝ้าระวังในค่ายอพยพ 9 แห่งตามแนวชายแดนไทย-เมียนมา โดยได้ตรวจหาเชื้อโควิด-19 ในตัวอย่างส่งตรวจไปแล้วกว่า 1,500 ตัวอย่าง และตรวจพบการระบาด 3 แห่ง ซึ่งช่วยให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขในค่ายตระหนักถึงสถานการณ์การระบาดได้โดยเร็วและป้องกันการแพร่กระจายของโรคในสภาพแวดล้อมที่มีความเสี่ยงสูง

การรักษา: USAID สนับสนุนการให้คำปรึกษาทางออนไลน์และมอบเครื่องวัดออกซิเจนในเลือดเพื่อช่วยให้กลุ่มประชากรหลักที่ได้รับผลกระทบจากโรคโควิด-19 ดูแลสุขภาพร่างกายของตนเองและเข้าถึงการรักษาได้ง่ายขึ้น โดยรวมไปถึงกลุ่มผู้อพยพ

การพัฒนาวัคซีนและยา: นักวิทยาศาสตร์การแพทย์ทหารของสหรัฐฯ กำลังร่วมมือกับภาคีชาวไทยศึกษาวิจัยวัคซีนในประเทศเพื่อเร่งรัดความพยายามในการปกป้องคนไทยในอนาคต
การบริจาคชุด PPE: รัฐบาลสหรัฐฯ ได้บริจาคเครื่องช่วยหายใจ หน้ากากช่วยหายใจ หน้ากากอนามัย แว่นตานิรภัย และอุปกรณ์ป้องกันรวมมูลค่า 17.5 ล้านเหรียญให้กับแพทย์และพยาบาลไทย รวมทั้งมอบความช่วยเหลือแก่ผู้ลี้ภัยในค่ายตามแนวชายแดน

โครงการให้ความรู้กับผู้อพยพ: U.S. CDC และ USAID ดำเนินกิจกรรมกับชุมชนผู้อพยพ โดยให้ความรู้เกี่ยวกับวิธีการรักษาความสะอาดเพื่อยุติหรือลดการแพร่กระจายของโรคโควิด-19 แก่ผู้อพยพและประชากรกลุ่มเปราะบางจำนวนกว่า 117,601 คน

การช่วยเหลือผู้กักตัว: USAID ร่วมพัฒนาแอปพลิเคชัน “พ้นภัย” สำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่เพื่อช่วยให้ประชาชนที่ต้องกักตัวอยู่ใน 69 จาก 77 จังหวัดทั่วประเทศไทยได้รับการแจกจ่ายชุดยังชีพ188,203 ชุด พร้อมทั้งน้ำดื่ม (มูลค่าเกือบ 4 ล้านเหรียญ) ได้โดยตรงและรวดเร็ว

การวิจัย: ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติ สหรัฐฯ ในประเทศไทย ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขของไทยศึกษาวิจัยโครงการการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 เพื่อประเมินความรู้ ทัศนคติ และการปฏิบัติตนในการฉีดวัคซีนในกลุ่มประชากรหลัก

โดยในวันนี้ อุปทูตรักษาการแทนเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ไมเคิล ฮีธ พร้อมด้วยพันเอก เวย์น เทิร์นบุลล์ นายทหารอาวุโสประจำสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทย เยี่ยมเยือนมูลนิธิดวงประทีป ซึ่งดำเนินการโดยครูประทีป อึ้งทรงธรรม ฮาตะ ในชุมชนคลองเตยเพื่อมอบเครื่องมืออุปกรณ์สำหรับการรับมือกับโรคโควิด-19 การบริจาคในครั้งนี้แสดงถึงความทุ่มเทของสหรัฐฯ ในการร่วมมือกับภาคีชาวไทยเพื่อต่อสู้กับการระบาดใหญ่ของโรคดังกล่าว

เครื่องมืออุปกรณ์ประกอบไปด้วยหน้ากากอนามัย 30,000 ชิ้นสำหรับเด็ก เยาวชน และผู้ใหญ่ แอลกอฮอล์เจลขนาดพกพา 5,000 หลอด แอลกอฮอล์เจลแบบขวดปั๊ม 5,000 ขวด และเครื่องวัดออกซิเจนในเลือด 400 เครื่อง ซึ่งทางมูลนิธิฯ จะนำไปใช้ประโยชน์เพื่อหยุดยั้งการระบาดของโรคโควิด-19 ในชุมชนต่อไป

อุปทูตฮีธ กล่าวว่า “เรายกย่องบทบาทของมูลนิธิดวงประทีปในฐานะศูนย์กลางการให้ข้อมูลและกระจายความช่วยเหลือเกี่ยวกับโรคโควิด-19 ซึ่งเป็นงานที่ยากลำบาก ชาวอเมริกันจะยืนเคียงข้างท่านทั้งหลายในการต่อสู้ครั้งนี้ เราเชื่อมั่นว่า ด้วยการร่วมมือระหว่างกัน เราจะเอาชนะการระบาดได้ และเราภูมิใจอย่างยิ่งที่ได้ช่วยเหลือชุมชนคลองเตยอีกแรงหนึ่งในระหว่างวิกฤตการณ์ครั้งนี้”

 

 

แจ้งข่าว..คลิกที่นี่