สหรัฐจ่อขอดูประวัติโซเชียล หากไม่ยินยอม เจอห้ามเข้าประเทศ

ด้านอดีตประธานาธิบดีสหรัฐ ประณามคำสั่งแบนของทรัมป์

โพสต์ทูเดย์

วันอาทิตย์ ที่ 5 กุมภาพันธ์ 2560, เวลา 11:00 น.

ทรัมป์ เล็งพิจารณาขอให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเปิดเผยข้อมูลเว็บไซต์และโซเชียลมีเดีย เบอร์โทรศัพท์ในมือถือ หากผู้ใดไม่ปฏิบัติตามจะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าประเทศ

เพียงไม่กี่วันหลังทรัมป์ลงนามคำสั่งพิเศษระงับการให้วีซ่าแก่พลเมืองใน 7 ประเทศมุสลิม ได้แก่ อิรัก อิหร่าน ซีเรีย ซูดาน ลิเบีย เยเมน และโซมาเลีย เป็นเวลา 90 วัน และระงับการให้สถานะผู้ลี้ภัยแก่ทุกประเทศ 120 วัน แม้พลเมืองเหล่านี้จะได้วีซ่าหรือสถานะผู้ลี้ภัย จนกว่ารัฐบาลจะมีมาตรการคัดกรองที่เข้มข้นขึ้นได้ ส่วนผู้ที่มีกรีนการ์ดแต่กำลังอยู่ในต่างประเทศ จะถูกตรวจเข้มระหว่างกลับเข้าประเทศ (อ่านเพิ่มเติม คลิก)

สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นรายงานอ้างแหล่งข่าวว่า สตีเฟน มิลเลอร์ ผู้อำนวยการฝ่ายนโยบายทำเนียบขาวได้เข้าพูดคุยกับเจ้าหน้าที่คนอื่นๆ ในกระทรวงต่างประเทศ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ และอื่นๆ ว่า รัฐบาลประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ กำลังพิจารณาขอให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเปิดเผยข้อมูลเว็บไซต์และโซเชียลมีเดียที่ใช้ รวมถึงเบอร์โทรศัพท์ที่บันทึกในโทรศัพท์มือถือ โดยผู้ใดไม่ปฏิบัติตามจะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าประเทศ

ซีเอ็นเอ็นระบุว่า การพูดคุยดังกล่าวเป็นเพียงขั้นเริ่มต้นเท่านั้น โดยรายละเอียดต่างๆ ยังคงอยู่ระหว่างการถกเถียง สอดคล้องกับก่อนหน้านี้ที่เว็บไซต์ข่าวสารการเมืองสหรัฐ โพลิติโค เคยรายงานว่า รัฐบาลสหรัฐกำลังดำเนินการเรื่องดังกล่าวอย่างเงียบๆ ทั้งนี้ ฌอน สไปเซอร์ โฆษกทำเนียบขาวไม่ตอบรับคำขอสัมภาษณ์ของซีเอ็นเอ็น

สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานอ้างเอกสารภายในกูเกิลว่า ซุนดาร์ พิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) ของกูเกิล ตั้งกองทุนฉุกเฉินมูลค่า 4 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 141 ล้านบาท) ซึ่งประกอบด้วยเงินบริจาคจากพนักงาน 2 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 70 ล้านบาท) ให้แก่ 4 องค์กรไม่แสวงผลกำไร ซึ่งรวมถึงสหภาพเพื่อสิทธิพื้นฐานประชาชนอเมริกัน (เอซีแอลยู) ที่ดำเนินการเพื่อให้สิทธิผู้อพยพอยู่อาศัยในสหรัฐได้ชั่วคราว และสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอชซีอาร์)

ด้านลิฟต์ (Lyft) เจ้าของแอพพลิเคชั่นแท็กซี่ บริจาคเงิน 1 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 35 ล้านบาท) ให้เอซีแอลยู ขณะที่แอร์บีเอ็นบี แอพพลิเคชั่นบริการจองที่พัก เตรียมให้ที่พักอาศัยฟรีแก่ผู้ลี้ภัยและผู้อพยพที่ไม่สามารถเข้าสหรัฐได้

ขณะเดียวกัน โฮเวิร์ด ชูลท์ส ซีอีโอ ของสตาร์บักส์ คอร์ป เปิดเผยว่า ทางบริษัทมีแผนการจ้างงานผู้ลี้ภัยจำนวน 1 หมื่นอัตรา ใน 75 ประเทศ ภายในระยะเวลา 5 ปีข้างหน้า พร้อมให้ความ เชื่อมั่นกับพนักงานภายในบริษัทจะทำทุกวิถีทางที่เป็นไปได้เพื่อสนับสนุนพนักงานที่ได้รับผลกระทบ

ด้านบารัก โอบามา อดีตประธานาธิบดีสหรัฐได้ออกมาประณามคำสั่งแบนของทรัมป์ โดยโอบามาไม่เห็นด้วยกับคำสั่งที่ก่อให้เกิดการเลือกปฏิบัติ และให้กำลังใจบรรดาผู้ชุมนุมประท้วง พร้อมระบุว่าตัวเขารู้สึกยินดี ที่เห็นผู้คนหลากหลายออกมารวมพลังกัน ต่อต้านนโยบายที่ไม่เห็นด้วย ซึ่งคำพูดจากโอบามานี้นับเป็นการออกมากล่าววิจารณ์ทางการเมืองครั้งแรกของเขา หลังสิ้นสุดการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ

และล่าสุดทางทำเนียบขาวได้ออกแถลงการณ์ ประธานาธิบดีทรัมป์ออกคำสั่งปลด Sally Yates อัยการสูงสุด หลังเธอปฏิเสธที่จะให้ความร่วมมือดำเนินโยบาย และปกป้องสหรัฐจากการก่อการร้ายของชาวมุสลิม โดยระบุว่าสาเหตุเป็นเพราะอัยการหญิงไม่มีประสิทธิภาพในการปกป้องชายแดน และจัดการกับผู้อพยพผิดกฏหมาย และทรัมป์ได้แต่งตั้ง Dana Boente อัยการสหรัฐ ของเวอร์จิเนีย ขึ้นดำรงตำแหน่งแทน

เหตุล่าสุดที่เกิดขึ้นนี้ เป็นผลมาจาก เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา Yates ได้เขียนจดหมายส่งไปยังกระทรวงยุติธรรมของนิวยอร์ก เพื่อเรียกร้องความยุติธรรมให้แก่บรรดาผู้อพยพ และชาวมุสลิมที่ได้รับผลกระทบ จนนำมาสู่การระงับคำสั่งชั่วคราว โดยผู้พิพากษาของนิวยอร์ก ด้านสมาชิกของพรรครีพับลิกันบางส่วนออกมาเรียกร้องให้ทรัมป์ผ่อนปรนคำสั่งลง เพื่อช่วยเหลือบรรดานักท่องเที่ยวที่ตกค้าง

 

 

 

แจ้งข่าว..คลิกที่นี่