ม.อ.เผยสัญญาณความเปลี่ยนแปลงและการเอาตัวรอด ในงาน “2020 จุดเปลี่ยนเศรษฐกิจภูเก็ต”

ภูเก็ต - มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตภูเก็ต (ม.อ.ภูเก็ต) จัดแถลงข่าวภายใต้ หัวข้อ “2020 จุดเปลี่ยนเศรษฐกิจภูเก็ต” โดย ดร.ชยานนท์ ภู่เจริญ รองคณบดีฝ่ายวิจัยและบัณฑิตศึกษา คณะการบริการและการท่องเที่ยว ม.อ.ภูเก็ต ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 12 ธ.ค. ที่ผ่านมา ณ ห้อง 5103A ชั้น 1 อาคาร 5 ของมหาวิทยาลัย ซึ่งการจัดงานในครั้งนี้ ทางฝ่ายวิจัยได้พบสัญญาณว่า เศรษฐกิจของจังหวัดภูเก็ตกำลังจะเปลี่ยนไป พร้อมทั้งเสนอแนะวิธีการปรับตัวให้อยู่รอดในเศรษฐกิจแนวใหม่ของเกาะภูเก็ต

ข่าวภูเก็ต

วันศุกร์ ที่ 13 ธันวาคม 2562, เวลา 13:31 น.

ภาพ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตภูเก็ต

ภาพ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตภูเก็ต

สำหรับสัญญาณเศรษฐกิจที่กำลังจะเปลี่ยนไป ในมุมมองของฝ่ายวิจัยคณะการบริการและการท่องเที่ยว ม.อ.ภูเก็ต ผ่านการบอกเล่าของ ดร.ชยานนท์ ได้มองว่าในช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมาเศรษฐกิจของจังหวัดภูเก็ต มีอัตราขยายตัวทางเศรษฐกิจเฉลี่ยถึงร้อยละ 6.67 ต่อปี ซึ่งภาคการท่องเที่ยวคือเครื่องยนต์หลักที่ขับคลื่อนการขยายตัวดังกล่าว แต่การขยายตัวดังกล่าวเริ่มเข้าสู่ภาวะชะลอตัวตั้งแต่ปี 2017 และในปีนี้ 2019 คือปีที่หลายภาคส่วนเริ่มสัมผัสได้ถึงภาวะชะลอตัวแต่ภาวะการณ์ดังกล่าวไม่ได้เกิดจากการหดตัวของจำนวนนักท่องเที่ยวอย่างที่หลายคนเข้าใจกัน

3 ปัจจัยหลัก ที่คาดว่าเป็นปัจจัยหลักทำให้เกิดภาวะธุรกิจในจังหวัดภูเก็ตหยุดชะงัก

ข้อมูลจำนวนผู้โดยสาร ณ ท่าอากาศยาน ตั้งแต่ปีเดือนมกราคม 2019 จนถึงปัจจุบัน ชี้ให้เห็นว่า จำนวนผู้โดยสารขาเข้าจังหวัดภูเก็ตโดยเฉลี่ยนั้นจริง ๆ แล้วเพิ่มขึ้นร้อยละ 4 จากปี 2561 แต่ผลสำรวจล่าสุดจากธนาคารแห่งประเทศไทยพบว่าผู้ประกอบการภาคบริการและการท่องเที่ยวในเขตภาคใต้สะท้อนความเห็นว่า พวกเขามีผลประกอบการลดลงหากเทียบกับปี 2018 โดยเฉพาะในไตรมาสที่ 3 อีกทั้งยอดเบิกเกินวงเงินของภาคธุรกิจ (O/D) ในจังหวัดภูเก็ตปรับตัวสูงขึ้นร้อยละ 3.27 โดยไตรมาสที่ 3 ยอด O/D ปรับตัวสูงขึ้นถึงร้อยละ 6 เทียบช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ความต้องการแรงงานในช่วงเวลาเดียวกันลดลงกว่าร้อยละ 24.5 ตัวชี้วัดข้างต้นก่อให้เกิดคำถามถึงปัจจัยที่ทำให้เกิดภาวะการณ์ชะงักงันทางธุรกิจของจังหวัดภูเก็ต ซึ่งคาดว่าเกิดจาก 3 ปัจจัยหลัก

ปัจจัยที่ 1 คือ ค่าเงินบาทกระทบความสามารถในการแข่งขันของภาคธุรกิจการบริการและการท่องเที่ยวอย่างมีนัยสำคัญ ในรอบ 5 ปีที่ผ่านมาค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นต่อแทบทุกสกุลเงิน หากพิจารณาสกุลเงินของนักท่องเที่ยวหลักในจังหวัดภูเก็ต พบว่าการแข็งค่าของค่าเงินบาททำให้อำนาจการซื้อของนักท่องเที่ยวจีนลดลงถึงร้อยละ 21 หากเทียบกับ 5 ปีก่อน, อำนาจการซื้อของนักท่องเที่ยวยุโรปลดลงถึงร้อยละ 23, สินค้าและบริการที่เคยถูกมองว่าราคาถูกสำหรับนักท่องเที่ยวเมื่อ 5 ปีก่อนตอนนี้อาจมีมูลค่าสูงกว่าประเทศอื่นหรือแม้กระทั่งแพงกว่าที่ประเทศต้นทางของนักท่องเที่ยวเอง ยกตัวอย่างเช่น ด้วยอัตราแลกเปลี่ยนปัจจุบันสตาบัคส์ลาเต้ ขนาดเล็ก 1 แก้ว ในป่าตองนักท่องเที่ยวต้องจ่าย 4.02 Euro ในปัจจุบันซึ่งมีราคาสูงกว่าสตาบัคส์ลาเต้ ขนาดเล็ก 1 แก้ว ณ กรุงเบอร์ลินซึ่งมีราคา 3.97 Euro

อำนาจการซื้อที่ลดลงดังกล่าวส่งผลในวงกว้างแม้กระทั่งสินค้าระดับ High-end ทางเราพบว่าแม้กระทั่งราคาเฉลี่ยห้องพัก (ARR) ของโรงแรมระดับหรูในจังหวัดภูเก็ตที่มีราคาขายมากกว่า 10,000 บาทต่อคืน มีการปรับตัวลดลงร้อยละ 7.03 อีกทั้งอัตราการเข้าพักเฉลี่ย (OCC. Rate) ก็ลดลงถึงร้อยละ 10.16 ในไตรมาสที่ 3 เทียบช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน แต่การแข็งค่าขึ้นเงินบาทคงไม่ใช่ปัจจัยหลักที่ส่งผลกระทบต่อภาวการณ์ดังกล่าว

ปัจจัยที่ 2 Disruption ข้อมูลล่าสุดยังคงชี้ให้เห็นว่าจังหวัดภูเก็ตยังคงครองแชมป์ ด้านค่าใช้จ่ายต่อหัวต่อคนต่อวันของผู้มาเยี่ยมเยือน แต่การกระจายตัวของรายได้จากการท่องเที่ยวนั้นเปลี่ยนไปจากเดิม เนื่องจากพฤติกรรมผู้บริโภคนั้นเปลี่ยนแปลงไป บทบาทของตัวกลางทางดิจิทัลนั้นเพิ่มสูงขึ้นอย่างก้าวกระโดด ยกตัวอย่างเช่น งานวิจัยล่าสุดพบว่าร้อยละ 64 ของของนักท่องเที่ยว Gen Y ในจังหวัดภูเก็ต จองห้องพักผ่านตัวกลางดิจิทัลแบบ B2C เช่น OTA และเรายังพบว่าในปัจจุบันการจองห้องพักผ่านตัวกลางดิจิทัลแบบ C2C มีแนวโน้มสูงขึ้นในจังหวัดภูเก็ตอย่างเห็นได้ชัด อีกทั้งตัวกลางดิจิทัลเริ่มมีบทบาทสูงขึ้นในหมวดค่าใช้จ่ายด้านต่าง ๆ ของนักท่องเที่ยว

ปัจจัยที่ 3 การท่องเที่ยวภูเก็ตถึงจุดอิ่มตัว? ภูเก็ตใช้ทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลเป็นแม่เหล็กดึงดูดนักท่องเที่ยวมากว่าสามทศวรรษ งานวิจัยล่าสุดโดยใช้ Big data ของคณะฯ เริ่มชี้ให้เห็นถึงความเสี่ยงของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของจังหวัดเนื่องจากมิติเรื่องความสวยงามของแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติถูกท้าทายจากทั้งปัจจัยภายนอก (การแข่งขันจากแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติอื่นในเมืองรองหรือต่างประเทศ) และปัจจัยภายในซึ่งเราพบว่าชายหาดยอดนิยมหลายแห่งของจังหวัดภูเก็ตถูกกล่าวถึงในด้านลบมากกว่าในด้านบวก

ปัญหาการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกอาจส่งผลกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจของจังหวัดภูเก็ตในระยะสั้น แต่ปัจจัยทั้งสามดังที่กล่าวไปข้างต้น อาจจะส่งผลกระทบระยะยาวต่อความสามารถในการแข่งขันของจังหวัดภูเก็ตในเวทีเมืองท่องเที่ยวระดับนานาชาติ ดังนั้นทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวต้องปรับตัว

ปรับตัวอย่างไร?

สำหรับการปรับตัวให้สอดรับกับสภาวะเศรษฐกิจของจังหวัดในสถานการณ์ปัจจุบัน ดร.ชยานนท์ ได้แนะนำแนวทางดังต่อไปนี้

1.ปรับกลยุทธ์การกำหนดราคาสินค้าและบริการ ชั่วโมงนี้อย่ามองเพียงมูลค่าเงินบาทของสินค้าและบริการ ควรศึกษาว่าอำนาจการซื้อของลูกค้าหลักของคุณเปลี่ยนแปลงไปมากน้อยเพียงใด หากเทียบกับในยุครุ่งเรืองของธุรกิจที่คุณทำอยู่ ด้วยทิศทางของค่าเงินบาทที่มีแนวโน้มจะแข็งค่าขึ้นผู้ประกอบการไม่ควรขึ้นราคาสินค้าหรือบริการ เพราะจะไปซ้ำเติมอำนาจการซื้อของนักท่องเที่ยว เพื่อให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจและทิศทางค่าเงินบาท การปรับราคาสินค้าและบริการ ในช่วงสองถึงสามปีข้างหน้าอาจเป็นไปได้ยากแต่การปรับลดต้นทุนและค่าใช้จ่าย ในการดำเนินธุรกิจอยู่ในวิสัยที่ทำได้เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อของประเทศไทยมีทิศทางปรับตัวลดลง

2. เนื่องจากพฤติกรรมการบริโภคเปลี่ยนแปลงไป ธุรกิจภาคการบริการและการท่องเที่ยวจึงจำเป็นต้องปรับตัวสู่ยุค Digital Transformation ยกตัวอย่างเช่น การสื่อสารแบบปากต่อปาก (Word of Mouth) ในปัจจุบันอยู่ในรูปแบบการเขียนและอ่านรีวิว ดังนั้นภาพลักษณ์ของธุรกิจของคุณบนโลกดิจิทัล ไม่ได้เป็นการสื่อสารด้านเดียวแบบเดิมอีกต่อไป ในหลักการที่ผู้บริโภคตัดสินใจบนข้อมูลสมบูรณ์ (Perfect information) ซึ่งขับเคลื่อนการขยายตัวของเศรษฐกิจในโลกดิจิทัล รีวิว คอมเม้นต์ จึงมีความสำคัญต่อการตัดสินใจของผู้บริโภค

3. จากการสำรวจครั้งล่าสุดพบว่า การกลับมาเที่ยวซ้ำของจังหวัดภูเก็ตนั้นสูงถึง 1 ใน 3 ของจำนวนนักท่องเที่ยว เพื่อรักษาและเพิ่มจำนวนการกลับมาเที่ยวซ้ำของนักท่องเที่ยว ในยุคที่หลายเมืองในภูมิภาคนี้ขับเคลื่อนการท่องเที่ยวอย่างเป็นรูปธรรม ภาครัฐและเอกชนควรยกระดับ/เพิ่มประสบการณ์การท่องเที่ยวให้กับผู้มาเยี่ยมเยือนจังหวัดภูเก็ต ด้วยแหล่งท่องเที่ยวใหม่ ๆ ที่ตอบโจทย์พฤติกรรมการถ่ายรูปแบบเซลฟี่ การดึงดูดนักท่องเที่ยวแบบ mice and incentive travel ที่ส่งเสริมเสถียรภาพของการดำเนินธุรกิจในช่วงโลวซีซั่น หรือ กิจกรรมสร้างสรรค์ใหม่ ๆ ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยว เช่น การจัดนิทรรศการระดับโลก การแสดงดนตรีระดับโลก การแข่งขันกีฬาทางน้ำระดับโลก

 

 

 

แจ้งข่าว..คลิกที่นี่