ผู้เสียหายคนร้ายเจาะหลังคาจี้ชิงทองอาการปลอดภัย รอง ผบช.ภ.8 ลงพื้นที่ติดตามคดี

ภูเก็ต - วันนี้ (25 ต.ค. 64) พล.ต.ต.วันไชย เอกพรพิชญ์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ลงพื้นที่เร่งรัดการทำงานของเจ้าหน้าที่ชุดทำงาน คดีคนร้ายเจาะหลังคาจี้ชิงทองคำมูลค่ามากกว่า 8 ล้านบาท

เอกภพ ทองทับ

วันจันทร์ ที่ 25 ตุลาคม 2564, เวลา 16:20 น.

จากกรณีเมื่อช่วงกลางดึกของวันที่ 24 ต.ค.64 มี คนร้ายปีนเข้าร้านทองโรยตัวลงมาในร้านทองเข้าทำร้ายเจ้าของร้านได้รับบาดเจ็บในห้างทองทวีชัย กลางเมืองภูเก็ต ถ.ระนอง ต.ตลาดเหนือ อ.เมืองภูเก็ต

พล.ต.ต.วันไชย รอง ผบช.ภ.8 เปิดเผยว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังรวบรวมพยานหลักฐาน พยานบุคคลในที่เกิดเหตุ ตอนนี้พอทราบกลุ่มคนที่ก่อเหตุแล้ว โดยคนร้ายเข้าทางหลังคา จึงเชื่อได้ว่าคนร้ายรู้จักพื้นที่และอยู่ในเป้าหมายของเจ้าหน้าที่ ทั้งนี้ขอเวลาให้เจ้าที่ได้ทำงาน เชื่อว่าจะได้ตัวคนร้ายในเร็ววันนี้

สำหรับเหตุการณ์ในครั้งนี้ทางผู้เสียหายคือ นายหวังดี อินทวงศ์ อายุ 71 ปี และ นางพวงเพ็ญ ศักดิ์เกษมกฤต 65 ปี ได้ให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจขณะเข้าไปสอบปากคำที่รพ.วชิระภูเก็ต

เบื้องต้นจากการสอบสวนเจ้าที่พบว่าคนร้ายน่าจะรู้จุดเกิดเหตุเป็นอย่างดี เพราะได้เดินเข้ามาด้านหลังของร้านดังกล่าว โดยผ่านบริเวณบ้านร้างแล้วก็ปีนขึ้นไปที่ระเบียงของร้านทอง หลังจากนั้นปีนหลังคาขึ้นไปเจาะหลังคาร้านแล้วทำการเจาะฝ้าเพดานห้องน้ำ ซึ่งอยู่ตรงกับห้องนอนที่มีนางพวงเพ็ญนอนอยู่

จากนั้นใช้อาวุธมีดที่เอาติดตัวมาพร้อมไม้หน้าสามจี้บังคับให้พาไปที่ตู้เซพพี่เก็บทองบริเวณชั้นล่างของร้านทอง เมื่อลงมาถึงชั้นล่างพบนายหวังดี ที่กำลังนั่งดูโทรทัศน์อยู่ ซึ่งนายหวังดีเห็นว่าผิดปกติคนร้ายพร้อมอาวุธมีดจี้ตัวนางพวงเพ็ญอยู่ จึงพยายามจะเข้าช่วยเหลือ แต่คนร้ายได้ใช้ไม้หน้าสามที่นำติดตัวมาทำร้ายนายหวังดีและนางพวงเพ็ญจนได้รับบาดเจ็บ สุดท้ายนางพวงเพ็ญจึงยอมพาคนร้ายไปที่ตู้เซฟและใช้กุญแจเปิดหลัง จากนั้นคนร้ายก็หยิบทองในตู้ใส่ถุงที่เตรียมเอาไว้โดยใช้เวลาไม่นาน ก่อนที่จะหลบหนีไปทางที่เข้ามา เมื่อคนร้ายหลบหนีไปผู้เสียหายทั้งสองคนได้รีบเปิดประตูหน้าร้าน แล้ววิ่งออกไปขอความช่วยเหลือจากผู้คนบริเวณหน้าร้าน แล้วจึงโทรแจ้งเจ้าของร้านและเจ้าหน้าที่ตำรวจ

อย่างไรก็ตาม ผู้เสียหายทั้งสองที่ได้รับบาดเจ็บขณะนี้ปลอดภัยแล้ว สำหรับการตรวจสอบการตรวจสอบทองคำเบื้องต้นทางร้านเผยว่า มีน้ำหนักถึง 300 บาทเศษ มูลค่ากว่า 8 ล้านบาท ส่วนจำนวนที่แท้จริงต้องตรวจสอบอีกครั้งหนึ่ง

 

 

แจ้งข่าว..คลิกที่นี่