โดยมี นางศิริวรรณ สุคนธมาน รองเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ, พลโทพรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ แม่ทัพภาคที่ 4 พลเรือโทเชิงชาย ชมเชิงแพทย์ ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 3, ดร.นพ.พิทักษ์ บุณยมาลิก ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุขเขตสุขภาพที่ 11, นายณรงค์ วุ่นซิ้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พร้อมหน่วยงานภาครัฐภาคเอกชน เข้าร่วมประชุมฯ ณ ห้องประชุมชั้น 2 อาคารคอซิมบี้ ศาลากลางจังหวัดภูเก็ต
พลเอก ณัฐพล กล่าวว่า การเดินทางมาครั้งนี้นายกรัฐมนตรีห่วงใยประชาชนทั่วไปได้มอบให้ ศบค.ชุดเล็กลงมาในพื้นที่ภูเก็ต เพื่อพบปะผู้แทนประชาชนชาวภูเก็ตทั้งภาครัฐและเอกชนรับฟังข้อคิดเห็นในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในภูเก็ต ให้สามารถขับเคลื่อนไปได้ ซึ่งได้รับฟังทั้งสองฝ่าย ที่มีความเห็นให้ผ่อนคลายให้ชาวต่างชาติเข้ามาในพื้นที่อีกส่วนหนึ่งได้ห่วงใยในภาพรวมมีความพอใจน่าจะสามารถมีทางออกได้
"การรับฟังครั้งนี้จะต้องกลับไปประเมินอีกครั้ง ซึ่งอาจเป็นชาวต่างชาติชุดเล็กจำนวนไม่มากเข้ามาในพื้นที่ ภาครัฐที่เกี่ยวข้องสามารถควบคุมได้ ถ้าเข้ามาหลักสิบจะเป็นการทดลองระบบ แต่ถ้าเข้ามาหลักร้อยยังไม่ได้ ต้องคำนึงความรู้สึกของคนบางส่วนที่ยังมีห่วงใย ซึ่งการเข้ามาต้องผ่านการกลั่นกรองกลุ่มเป้าหมายที่จะเข้ามาในพื้นที่ คือต้องผ่านศบค.ส่วนกลางจากกรุงเทพก่อนให้มาลงที่ภูเก็ต กลุ่มที่เริ่มเข้ามาอาจจะประมาณ 3-5 คน เข้าทดลองระบบให้ภาครัฐได้เห็นกระบวนการเห็นระบบในการที่คนต่างชาติเข้ามาต้องทำอย่างไรบ้าง หลังจากประชุมวันนี้จะต้องกลับไปดูกลุ่มเป้าหมายที่มั่นใจได้เท่าไหร่ จากนั้นจะประสานกับจังหวัดภูเก็ตในรายละเอียดอีกครั้งหนึ่ง” พลเอกณัฐพล กล่าว
“การเข้ามาในพื้นที่ของชาวต่างชาติยังต้องทดลองระบบ อาทิ นักเรียนนานาชาติที่จะต้องเข้ามาอยู่แล้ว จะทดลองระบบกลุ่มคนเหล่านี้ดูจะต้องขอไปศึกษาจะดูว่ามีส่วนใดบ้างที่จะเริ่มเข้ามาในระบบได้ ในจำนวนเล็ก ๆ 3-4 คน อาจจะเริ่มสัปดาห์หน้าได้เลย เพื่อทดลองระบบ หรือกลุ่มไพรเวทเจ็ท มีกำลังซื้อสูงส่วนใหญ่กลุ่มนี้จะปลอดภัย เนื่องจากปัจจุบันภูเก็ตมีระบบที่พร้อมอยู่แล้ว ยังไม่มีคนเข้ามาทำให้สถานประกอบการต่าง ๆ ที่สมัครเข้ามาในระบบอาจจะเปลี่ยนใจออกไปนอกระบบจะต้องหาลูกค้าเข้ามาในระบบ เพื่อประเมินความพร้อมตัวเขาเองด้วยในสถานประกอบการ"
พลเอกณัฐพลยืนยันว่าที่ผ่านมา ศบค.ใหญ่มีการประชุมเป็นประจำทุกวัน สามารถบริหารสถานการณ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยได้เสนอต่อจังหวัดภูเก็ตว่าถ้าจะผ่อนคลายให้คนต่างชาติเข้ามา จะต้องมีส่วนงานที่ต้องกำกับใกล้ชิดดูแลต่อเนื่อง เห็นควรให้จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการจังหวัดภูเก็ต ซึ่งกระทรวงมหาดไทยมีการตั้งอยู่แล้ว ต้องมีการขับเคลื่อนเป็นรูปธรรมมากขึ้น ให้จัดหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาดูแล จะต้องทำให้ดีที่สุดไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดและจะต้องคิดในส่วนที่อาจเกิดขึ้นมาได้ต้องเตรียมการไว้ด้วย
“ต้องเตรียมความพร้อมท่าอากาศยานภูเก็ตให้มีมาตรฐานใกล้เคียงกับท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ คัดกรองคนอย่างมีประสิทธิภาพพัฒนาขีดความสามารถหาผู้ติดเชื้อกรณีมีความจำเป็น การควอรันทีนต้องมีประสิทธิภาพเชื่อถือได้อำนวยความสะดวกให้คนเข้ามาในระบบ ต่อไปจะมีเที่ยวบินในประเทศต่างประเทศเช่าเหมาลำต้องยึดถือมาตรการบุคคลสถานที่เคร่งครัด และอาจมีการจัดตั้งกองทุนเตรียมพร้อม หากมีการระบาดต้องทำด้วยความสมัครใจในความยอมรับกับทุกฝ่ายสร้างการรับรู้เข้าใจในพื้นที่ ถ้าภูเก็ตยังไม่พร้อม ศบค.ยังไม่ให้ดำเนินการ ในเรื่องนี้ ถ้าชาวภูเก็ตส่วนใหญ่เห็นพ้องต้องกันสามารถเดินได้เลย ถ้ายังมีส่วนไม่เห็นด้วยต้องทำแบบค่อยเป็นค่อยไป ต้องขึ้นอยู่กับความพร้อมของชาวภูเก็ตด้วย” พลเอกณัฐพล กล่าว
“ขอยืนยันว่า นายกรัฐมนตรีกำกับการดูแลปฏิบัติของศบค.ได้ย้ำกับศบค.วงเล็กในการทุ่มเทประชุมกันทุกวัน ถ้ามีเหตุการณ์ที่ไหนจะลงพื้นที่เช่นที่จ.ระยอง และครั้งนี้ ที่ จ.ภูเก็ต ยืนยันกับประชาชนชาวไทยว่าศบค.ให้ความทุ่มเทกับการแก้ปัญหาสถานการณ์ อย่างเต็มขีดความสามารถและในขณะเดียวกันขอกราบขอบคุณพี่น้องประชาชนชาวไทย ในการให้ความร่วมมือในมาตรการต่าง ๆ ของศบค.เป็นอย่างดีทำให้ประสบความสำเร็จเป็นที่น่าพอใจ”
