นายอิทธิพล สังข์แก้ว รองนายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลกะรน กล่าวว่า ตนเป็นชาวบ้านที่อาศัยอยู่ร่วมกับคนในชุมชนเป็นคนหาเช้ากินค่ำ ใช้พื้นที่หาดกะตะน้อย ก่อนที่จะมารับใช้ชาวบ้าน เห็นที่ดินแปลงดังกล่าวมาหลายสิบปีแล้ว มีคลองสาธารณะกั้นกลางระหว่างที่ดินสองแปลง ซึ่งนายทุนได้นำเอกสารที่ออกโดยไม่ชอบมาแสดงและทำการรวมกันเป็นแปลงเดียว พร้อมก่อสร้างอาคารทับพื้นที่สาธารณะคลองบางรัก
“คลองบางรักเป็นคลองสาธารณะประโยชน์ที่ชาวบ้านใช้ร่วมกันมาหลาย 10 ปีแล้ว แต่เมื่อมีการสร้างอาคารโรงแรมในพื้นที่ดังกล่าว จึงทำให้ชาวบ้านไม่สามารถที่จะใช้ประโยชน์ในคลองบางรักได้ สำหรับการใช้ประโยชน์คลองสาธารณะเป็นวิถีชีวิตพี่น้องประชาชนที่อาศัยอยู่ในบริเวณนี้มานานแล้ว เมื่อชาวบ้านใช้คลองสาธรณะไม่ได้ จึงจำเป็นที่จะต้องไปใช้ที่หน้าชายหาดกะตะน้อย โดยยึดอาชีพกางร่มผ้าใบ กางเตียงผ้าใบ และนวดเพื่อสุขภาพ”
“อาชีพทั้งหมดมีการตกลงกันโดยใช้พื้นที่สาธารณะชาย หาดกะตะน้อย โดยผู้ว่าราชการในสมัยนั้นเป็นประธานตกลงให้ใช้พื้นที่สาธารณะร่วมกัน แต่เมื่อมีการยึดอำนาจ พ.ศ. 2549 รัฐบาลสั่งจัดระเบียบชายหาดใหม่ การประกอบอาชีพบริเวณชายของชาวบ้านหน้าหาดกะตะน้อยทุกคนถูกจับและถูกดำเนินคดี ส่วนโรงแรมหรูบริษัทดังที่บุกรุกที่สาธารณะสร้างอาคารและออกเอกสารสิทธิ์คร่อมคลองสาธารณะ กลับไม่ถูกจับไปดำเนินคดีพร้อมกับชาวบ้านด้วย เป็นเรื่องที่ชาวบ้านยังสงสัยว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบหรือไม่” นายอิทธิพล กล่าว
ด้านนายสมบัติ อติเศรษฐ์ ประธานกรรมการ บริษัท กะตะธานี จำกัด เปิดเผยว่า “ไม่ทราบว่าคณะกรรมาธิการที่ลงคนเดียวชุดนี้ วันนี้นำเอกสารแผนที่ดาวเทียมมาจากที่ใด เพราะผมเองได้ซื้อที่ดินและรวบรวมที่ทั้งหมดตั้งแต่ยังเป็น ส.ค.1 อยู่ ที่ทั้งหมด 9 แปลงจำนวน 20 กว่าไร่ เข้าด้วยกัน ไม่เห็นว่าในโฉนดระบุไว้ว่ามีคลองหรือลำรางแต่อย่างใด ส่วนถนนสาธารณะมีเส้นสีแดงขีดไว้ในโฉนดแต่ไม่มีการตัดถนนและมีการใช้เป็นทางสัญจรมาก่อน”
ประธานกรรมการผู้จัดการ บริษัท กะตะธานี จำกัด ยังกล่าวต่อด้วยว่า ตนเป็นผู้ครอบครองที่ดินแปลงดังกล่าวนี้มากกว่า 20 ปีแล้ว “ไม่ทราบว่าชาวบ้านไปกุเรื่องนี้ขึ้นมาได้อย่างไร ทั้งที่ไม่ว่าจะเป็นระดับตำบล อำเภอ หรือจังหวัด ได้ตรวจสอบข้อมูลหลักฐานกันทุกปี ทำไมคณะกรรมาธิการชุดนี้จึงไม่ไปถามหน่วยงานราชการดังกล่าวก่อน เพื่อที่จะทราบข้อมูลที่แท้จริง ทำไมถึงลงพื้นที่ตรวจสอบโดยที่ผมไม่รู้มาก่อน”
นายสมบัติ ยืนยันว่าตนได้ซื้อที่ดินแปลงดังกล่าวนี้มาจากอดีตกำนันตำบลกะรนตั้งแต่ปี 2527 พร้อมระบุว่าจนถึงปัจจุบันมีการร้องเรียนกลั่นแกล้งกันมาโดยตลอด ซึ่งตนเหนื่อยแล้วและอยากให้เรื่องนี้มันจบ ตนพร้อมที่จะให้เจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนเข้ามาตรวจสอบและทำการตัดถนนใหม่
“หากเทศบาลตำบลกะรนต้องการที่จะตัดถนนจริง ก็พร้อมอนุญาตและพร้อมที่จะอำนวยความสะดวกให้” นายสมบัติ กล่าว