ภายใต้การอำนวยการของ พ.ต.อ.ธีรวัฒน์ เลี่ยมสุวรรณ ผกก.สภ.เมืองภูเก็ต เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองภูเก็ต นำโดย ร.ต.อ.ตะวัน นวลแก้ว รอง สว.สส.สภ.เมืองภูเก็ต ร่วมกับเจ้าหน้าที่ ปคม.กก.5, กก.สส.ภ.จว.ภูเก็ต, ตำรวจทางหลวง และตำรวจท่องเที่ยว ร่วมกันจับตัวผู้ต้องหา นาย เน นี นัง (Mr. Nyi Nyi Naing) ถือบัตรประจำตัวคนซึ่งไม่มีสัญชาติไทย ที่อยู่ตามบัตร ม.7 ต.รัษฎา อ.เมือง จ.ภูเก็ต ตามหมายจับของศาลจังหวัดภูเก็ตที่ 264/2564 ลงวันที่ 21 กันยายน 2564 คดีอาญาที่ 2321/2564
ซึ่งต้องหาว่ากระทำผิดฐาน “ข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยขู่เข็ญด้วยประการใด ๆ โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยผู้นั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ หรือทำให้ผู้อื่นเข้าใจผิดว่าตนเป็นบุคคลอื่น, หน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่น หรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย และให้ผู้อื่นนั้นกระทำการใดให้แก่ผู้กระทำหรือบุคคลอื่น, ทำร้ายร่างกาย จนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจของผู้อื่น” โดยสามารถจับกุมได้ที่ภายในบ้านเช่าบริเวณหลังธนาคารยูเนียน ถ.ศรีสุทัศน์ ม.7 ต.รัษฎา อ.เมือง จ.ภูเก็ต
โดยก่อนการจับกุมในครั้งนี้ ผู้เสียหายซึ่งเป็นหญิงไทยอายุ 47 ปี ได้บอกเล่าประสบการณ์สุดสะเทือนใจของเธอให้คนรู้จักได้รับทราบ และมีการโพสต์เรื่องราวไปบนเพจเฟซบุ๊กดังของไทย พร้อมระบุว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นตั้งแต่ปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา และในโพสต์ดังกล่าว พ.ต.ต.จักรกริช ธรรมรักษา พนักงานสอบสวนเวร ได้เข้าไปแสดงความคิดเห็นโดยระบุว่า ตนได้รับคำร้องทุกข์ไว้ทำการสอบสวนตามคดีอาญาที่ 2321/2564 โดยได้สอบสวนปากคำผู้เสียหาย และให้ผู้เสียหายยืนยันภาพถ่าย และส่งตัวผู้เสียหายให้แพทย์ รพ.วชิระภูเก็ตตรวจร่องรอยการถูกข่มขืนฯ และเก็บรวบรวมพยานหลักฐานต่าง ๆ ประกอบกับได้ออกหมายเรียกผู้ต้องหาไว้แล้ว และอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานต่าง ๆ เพื่อขอศาลจังหวัดภูเก็ตออกหมายจับผู้ต้องหา จนกระทั่งสามารถจับตัวได้ดังกล่าว
ทั้งนี้เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านเช่าของผู้เสียหาย ซึ่งเป็นบ้านไม่มีเลขที่ทางไปเกาะสิเหร่ ถ.ศรีสุทัศน์ ต.รัษฎา เพื่อพบและพูดคุยในกรณีที่ถูกบังคับขู่เข็ญกระทำชำเรา โดยผู้ก่อเหตุเป็นชาวกะเหรี่ยงสัญชาติเมียนมาทำงานเป็นนายหน้าค้าแรงงานคนต่างด้าวให้กับเรือประมงในจังหวัดภูเก็ต
ผู้เสียหายเล่าว่า วันเกิดเหตุเป็นช่วงกลางคืนต่อเนื่องเช้าวันที่ 27 ส.ค. ตนถูกเพื่อนที่รู้จักกันบอกให้ไปรับจ้างซักผ้ารีดผ้าบ้านของผู้ก่อเหตุ เมื่อไปถึงบ้านในวันเกิดเหตุได้มีการกินอาหารกันที่บ้าน แต่จู่ ๆ ผู้ก่อเหตุก็หาว่าตนแจ้งตำรวจให้มาค้นบ้านผู้ก่อเหตุถึง 2 ครั้ง และซ้อมให้ตนรับสารภาพ แต่ตนก็ปฏิเสธไปตลอดว่าไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลย
เธอเล่าอีกว่าจากนั้นผู้ก่อเหตุก็ได้ลงมือซ้อมต่อเนื่อง ถึงขั้นเอาถุงพลาสติกมาคลุมหัวเตรียมมีดเพื่อจะเชือดคอ แล้วเอาเทปกาวมาปิดปากจนแน่นไม่สามารถพูดอะไรหรือร้องได้ สลับกับการข่มขู่ให้รับสารภาพ ตั้งแต่เวลา 21.00 – 4.00 น. ของวันรุ่งขึ้น ในตอนนั้นเองที่ผู้ก่อเหตุบังคับให้เธอสำเร็จความใคร่ด้วยปาก ซึ่งเธอพยามขัดขืนแล้วแต่ไม่สำเร็จเพราะผู้ก่อเหตุใช้กำลังตบตี จากนั้นก็ได้ลงมือข่มขืนจนสำเร็จความใคร่และนอนหลับไป
เธอมองหาวิธีการหนีออกไปจากห้องตลอดเวลา แต่พบว่ามีลูกน้องของผู้ก่อเหตุล็อคประตูยืนเฝ้าอยู่หน้าห้อง 1 คน ข้างบนเป็นชาย 1 คน และข้างล่างเป็นหญิง 1 คน จึงรู้ว่าไม่มีทางที่จะหนีรอดออกไปจากห้องของผู้ก่อเหตุได้
กระทั่งเวลา 9.00 น. ก็ได้มีคนโทรมาตามผู้ก่อเหตุให้ไปทำงาน และไม่ได้สั่งลูกน้องล็อคประตู แต่เธอตัดสินใจปีนลงด้านหลังบ้าน เพราะเห็นว่ามีบ้านเพื่อนบ้านซึ่งน่าจะช่วยได้ จากนั้นก็ปีนลงมาจากชั้น 2 เหยียบหลังคาบ้านเพื่อนบ้านคลานเข้าไปขอความช่วยเหลือ แต่ไม่มีใครช่วยได้จึงเดินเท้าเปล่าไปหาเพื่อนและให้พาไปแจ้งความที่ สภ.เมืองภูเก็ต โดยเธอเล่าว่าได้นั่งรออยู่เป็นเวลา 2 ชั่วโมง เพื่อจะได้แจ้งความลงบันทึกประจำวัน
ทั้งนี้ เธอเล่าอีกว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องที่สะเทือนใจมาก อยากให้ตำรวจเอาเรื่องให้ถึงที่สุด เพราะผู้ก่อเหตุอ้างว่าเป็นผู้มีอิทธิพลมีเงินมีทองมากมาย และยังพูดจาดูถูกตำรวจว่าไม่มีทางรับฟังความเดือดร้อนของตน และยังอ้างว่าเป็นเพื่อนกับตำรวจที่ป้อมเกาะสิเหร่อีกด้วย
