จบไปแล้วกับงานประกาศผลรางวัลคนบันเทิงอันยิ่งใหญ่ของโลกอีกงาน เมื่อค่ำวันอาทิตย์ที่ 4 มี.ค. ที่ผ่านมา ตามเวลาท้องถิ่น ตรงกับช่วงเช้าของวันที่ 5 มี.ค. ตามเวลาประเทศไทย ในค่ำคืนวันงานประกาศรางวัลออสการ์ โดยม่านปิดลงบนเวทีประกาศรางวัลระดับฮอลลีวูด ที่ถูกทำให้ลดความสำคัญลงด้วยเรื่องอื้อฉาวของประพฤติตัวไม่เหมาะสมกับในแวดวงบันเทิง
Guillermo del Toro ผู้กำกับจากจากนิยายนางฟ้าสุดโรแมนติกเรื่อง THE SHAPE OF WATER พาหนังเข้าชิงถึง 13 รางวัลและได้รับรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ซึ่งเป็นสุดยอดรางวัลของเวทีแห่งนี้กลับบ้านไปครอง รวมทั้งรางวัลผู้กำกับยอดเยี่ยม ออกแบบการสร้างยอดเยี่ยมและดนตรีประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยม
ซึ่งในค่ำคืนแห่งเกียรติยศนี้ ได้มอบรางวัลรางวัลอันทรงคุณค่าให้กับผู้เข้าชิงรางวัลหลากหลายคน ได้แก่ ภาพยนตร์ตลกร้ายเรื่อง Three Billboards Outside Ebbing, Missouri ของผู้กำกับภาพยนตร์สายดาร์กอย่าง Martin McDonagh ที่ได้รับรางวัลนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมสำหรับ Frances McDormand และนักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยมสำหรับ Sam Rockwell
ภาพยนตร์สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 อย่างเรื่อง Dunkirk ของผู้กำกับฝีมือฉมังอย่าง Christopher Nolan คว้าไปถึง 3 รางวัล แต่เป็นในสาขาด้านเทคนิคที่มีความฉูดฉาดน้อยไปสักหน่อย ในขณะที่ภาพยนตร์หลายเรื่องจบลงในค่ำคืนอันทรงเกียรติด้วยการคว้าถึง 2 รางวัลกลับบ้าน
Del Toro ขึ้นบนเวทีและได้สัมผัสออสการ์เป็นครั้งแรกในชีวิต กล่าวด้วยอารมณ์ความรู้สึกเต็มเปี่ยมในขณะรับรางวัลว่า “ผมคือผู้อพยพย้ายถิ่น” เป็นคำพูดที่มีแสดงถึงพลังของภาพยนตร์ ที่สามารถลบเลือนความเหลื่อมล้ำระหว่างผู้คนในที่แตกต่างกันในด้านประเทศที่จากมาและวัฒนธรรม
“ผมอยากอุทิศรางวัลนี้เพื่อนักสร้างภาพยนตร์รุ่นใหม่ ๆ เด็กรุ่นใหม่ที่กำลังแสดงให้เห็นว่าพวกเขาทำอะไรได้บ้างผมมั่นใจเหลือเกินว่า พวกเขาทำมันได้ พวกเขาเหล่านั้นอยู่ในทุก ๆ ประเทศทั่วโลกใบนี้” Del Toro กล่าว
“ผมไม่เคยคิดเลยว่ามันจะเกิดขึ้นได้จริง แต่มันเกิดขึ้นแล้ว และผมต้องการบอกคุณทุกคนที่กำลังมีความฝัน ในการใช้ความแฟนตาซีหรือนิทานจากจินตนาการ เพื่อบอกเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงในโลกวันนี้ คุณทำมันได้อย่างแน่นอน” เขากล่าว
และในปีนี้ ก็เป็นอีกครั้งที่ Jimmy Kimmel พิธีกรรายการตลกไพร์มไทม์ รับหน้าเป็นพิธีกรต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 บนเวทีการประกาศผลรางวัลออสการ์ ครั้งที่ 90 ซึ่งเวทีแห่งนี้ได้ประกาศสงครามกับวัฒนธรรมการคุกคามและความไม่เหมาะสมทางเพศ ที่ทำให้อุตสาหกรรมภาพยนตร์ของโลกต้องตกต่ำเพราะมีผู้สร้างภาพยนตร์อย่าง Harvey Weinstein ผู้ที่ถูกกล่าวหาว่าทำเรื่องอื้อฉาวด้วยการคุกคามทางเพศเหล่านักแสดงในวงการหนังฮอลลีวูด
คิมเมลพุ่งเป้าไปที่ไวน์สตีนในการเปิดบทพูดของเขาบนเวที บรรยายถึงความอัปยศของผู้สร้าง ที่ถูกกล่าวหาว่ามีประพฤติกรรมการคุกคามทางเพศหลายครั้งหลายครา จนก่อให้เกิดความตกต่ำในแวดวงฮอลลีวูดมาอย่างยาวนาน
“พวกเราไม่สามารถปล่อยพฤติกรรมเลวร้ายแบบนี้ให้ผ่านไปได้อีกต่อไป โลกกำลังมองดูพวกเราอยู่ เราต้องสร้างตัวอย่างให้พวกเขาได้เห็น” คิมเมล กล่าว
ด้าน แมคดอร์มาน ผู้คว้ารางวัลนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม จากบทการแสดงการไล่ล่าของแม่สายสตรองเพื่อลูกที่ถูกฆาตกรรม ในหนังเรื่อง Three Billboards หอบรางวัลกลับบ้านเป็นครั้งที่ 2 หลังจากครั้งแรกเมื่อ 21 ปีที่ผ่านมา กับการคว้ารางวัลจากภาพยนตร์เรื่อง Fargo ความจำเป็นของการรวมตัวกันในภาคอุตสาหกรรมหนัง เธอทำให้นักแสดงหญิงทุกคนได้มีรายชื่อเข้าชิงได้ยืนขึ้นเพื่อเป็นเกียรติกับงานที่ทุกคนตั้งใจทำ
“พวกเราทั้งหมดมีเรื่องเล่าและโปรเจคที่ต้องการได้เงินทุน” เธอกล่าวต่อผู้ชมที่กำลังให้ความสนใจกับเธอ
นอกจากนี้ นักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยมจากหนังเรื่องเดียวกันอย่าง ร็อคเวลล์ ได้รับรางวัลเช่นกัน จากบทบาทของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มีมีพฤติกรรมการใช้ความรุนแรงและเหยียดเชื้อชาติ
นักแสดงนำชายยอดเยี่ยมตกเป็นของ Gary Oldman หลังจากที่ต้องแต่งหน้านานกว่า 3 ชั่วโมงต่อวัน เพื่อรับบทเป็น Winston Churchill นายกรัฐมนตรีของประเทศอังกฤษในสมัยสงคราม กับภาพยนตร์เรื่อง Darkest Hour Allison Janney ได้รับรางวัลนักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม จากบทของแม่ผู้เย็นชา และน่าอับอายของนักสเก็ตน้ำแข็ง Tonya Harding ในภาพยนตร์เรื่อง I, Tonya และนำมาซึ่งฤดูกาลแห่งรางวัลเมื่อเธอเองก็ได้คว้ารางวัลอันยิ่งใหญ่จากการแข่งขันไปเช่นกัน
“สำหรับทุกคนที่มีชื่อเข้าชิงรางวัล คุณได้ทำหน้าที่การเป็นตัวแทนของการทำดีและถูกต้อง จากงานที่คุณทำอยู่ และทุกคนมีความพิเศษในตัว” เจนนี่ นักแสดงวัย 58 ปี กล่าวด้วยความรู้สึกปิติยิ่งกับ 2แคมเปญดังอย่าง #MeToo และ Time’s Up ที่ต่อต้านการประพฤติล่วงละเมิดและความไม่เท่าเทียมทางเพศ บนเวทีประกาศรางวัลออสการ์ ปี 2018 นี้ คืองานกาล่าที่เปิดโอกาสให้เมืองแห่งมายานั้นได้แสดงออกถึงการสนับสนุนนักสร้างภาพยนตร์ที่เป็นผู้หญิงอีกด้วย
Greta Gerwig เป็นผู้หญิงคนที่ 5 ในประวัติศาสตร์ของออสการ์ที่ได้มีชื่อเป็นผู้เข้าชิงรางวัลในสาขาผู้กำกับยอดเยี่ยม สำหรับภาพยนตร์คอเมดี้/ดราม่า อย่างเรื่อง Lady Bird อย่างไรก็ตาม เธอกลับบ้านไปมือเปล่า แม้ว่าชื่อของเธอจะถูกเสนอเข้าชิงรางวัลอื่นๆ ด้วย ซึ่งเธอก็ต้องพลาดทั้งออสการ์สาขาภาพยนต์ยอดเยี่ยมและบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม
การยอมรับครั้งแรกในประวัติศาสตร์สำหรับการเสนอชื่อผู้ถ่ายทำภาพยนตร์หญิงอย่าง Rachel Morrison กับการถ่ายทำหนังดราม่าเหยียดสีผิวเรื่อง Mudbound ให้กับ Dee Rees แต่รางวัลก็ตกเป็นของ Roger Deakins ในความพยายามครั้งที่ 14 ของเขาจากภาพยนตร์เรื่อง Blade Runner 2049
แคมเปญ Time’s Up ไม่ได้เป็นที่ประจักษ์มากนักในงานออสการ์ ไม่เหมือนกับเมื่อครั้งงานประกาศผลลูกโลกทองคำ ในเดือนมกราคม ที่เหล่านักแสดงได้แสดงออกถึงการประท้วงพฤติกรรมไม่เหมาะสมทางเพศบนพรมแดง
อีกครั้งกับการแสดงออกถึงการยอมรับการเคลื่อนไหวของผู้หญิง ก็คือ การที่อดีตเจ้าของรางวัลออสการ์อย่าง Jennifer Lawrence และ Jodie Foster เป็นผู้มอบรางวัลให้กับ Frances McDormand ในฐานะนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม
ตามธรรมเนียมแล้ว ผู้ชนะรางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมในปีที่ผ่านมาจะเป็นผู้มอบรางวัล ทว่า Casey Affleck ผู้คว้ารางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมปี 2017 จากเรื่อง Manchester by the Sea ถอนตัว หลังจากถูกกล่าวว่าพัวพันกับการคุกคามทางเพศ ซึ่งเขาให้การปฏิเสธ
สำหรับผู้ชนะรางวัลอื่น ๆ รวมทั้ง แอนิเมชั่นจาก Pixar เรื่อง Coco สาขาภาพยนตร์แอนิเมชั่นยอดเยี่ยม และภาพยนตร์รักโรแมนติกเรื่อง A Fantastic Woman ที่ได้รับรางวัลภาพยนตร์ภาษาต่างประเทศยอดเยี่ยม ผลงานจากผู้กำกับชาวชิลี Sebastian Lelio พร้อมกับดาราที่ข้ามเพศอย่าง Daniela Vega และ Jordan Peele ชนะรางวัลบทภาพยนตร์ดั้งเดิมยอดเยี่ยม ที่ได้รับคำชมจากภาพยนตร์สยองขวัญอย่างเรื่อง Get Out
สรุปรางวัลออสการ์สาขาหลัก ๆ ดังนี้
• ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม: The Shape of Water
• ผู้กำกับยอดเยี่ยม: Guillermo del Toro
• นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม: Gary Oldman
• นักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม: Frances McDormand
• นักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม: Sam Rockwell
• นักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม: Allison Janney
• ภาพยนตร์ภาษาต่างประเทศยอดเยี่ยม: A Fantastic Woman (ชิลี)
• ภาพยนตร์แอนิเมชั่นยอดเยี่ยม: Coco
• ภาพยนตร์สารคดียอดเยี่ยม: Icarus
• บทภาพยนตร์ดั้งเดิมยอดเยี่ยม: Get Out – Jordan Peele
• บทภาพยนตร์ดัดแปลงยอดเยี่ยม: Call Me By Your Name – James Ivory
• ควบคุมการสร้างยอดเยี่ยม: The Shape of Water
• ดนตรีประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยม: The Shape of Water – Alexandre Desplat
• เพลงประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยม: “Remember Me” from Coco
• ตัดต่อภาพยนตร์ยอดเยี่ยม: Dunkirk
• ลำดับเสียงยอดเยี่ยม: Dunkirk
• บันทึกเสียงยอดเยี่ยม: Dunkirk
• กำกับภาพยอดเยี่ยม: Blade Runner 2049 – Roger Deakins
• เทคนิคสมจริงยอดเยี่ยม: Blade Runner 2049
• แต่งหน้าและทำผมยอดเยี่ยม: Darkest Hour
- Frankie Taggart / AFP
