JLL ชี้คอนโดเทลมีแนวโน้มเป็นอสังหาริมทรัพย์ดาวรุ่ง ในหัวเมืองท่องเที่ยวรวม 'ภูเก็ต'

ในขณะที่การปล่อยเช่าคอนโดมิเนียมระยะสั้นในประเทศไทยเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย คอนโดเทลเป็นรูปแบบการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นในหัวเมืองท่องเที่ยวสำคัญ ๆ อาทิ ภูเก็ต พัทยา รวมไปจนถึงกรุงเทพฯ เนื่องจากตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการซื้อคอนโด เพื่อปล่อยเช่าได้ทั้งสำหรับระยะสั้นและระยะยาว และเสนอโอกาสใหม่ ๆ ให้กับนักพัฒนาโครงการ ตามการรายงานจากบริษัทที่ปรึกษาและบริการด้านอสังหาริมทรัพย์ เจแอลแอล

ข่าวภูเก็ต

วันศุกร์ ที่ 25 ตุลาคม 2562, เวลา 09:30 น.

นายจักรกริช และนางสาวปิตินุช ภาพ เจแอลแอล

นายจักรกริช และนางสาวปิตินุช ภาพ เจแอลแอล

คอนโดเทล เป็นรูปแบบการคอนโดมิเนียมประเภทหนึ่งที่มีการขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจโรงแรม จึงทำให้สามารถใช้ประโยชน์ได้เช่นเดียวกับโรงแรม โดยสามารถปล่อยเช่าระยะสั้นรายวันหรือรายสัปดาห์ได้ ในขณะที่คอนโดมิเนียมทั่วไปที่ไม่มีใบอนุญาตประกอบธุรกิจโรงแรมจะสามารถปล่อยเช่าให้ได้กับเฉพาะผู้เช่าที่ต้องการเช่าตั้งแต่ 30 วันขึ้นไป

นายจักรกริช จักรพันธุ์ ณ อยุธยา รองประธานบริหารฝ่ายการลงทุนซื้อขาย หน่วยธุรกิจบริการการลงทุนด้านโรงแรมของเจแอลแอล กล่าวว่า “คอนโดเทลไม่ได้เป็นรูปแบบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่เพิ่งเกิดขึ้นใหม่ในประเทศไทย โดยสามารถพบเห็นได้ทั่วประเทศ โดยเฉพาะในหัวเมืองท่องเที่ยวสำคัญ ๆ อาทิ พัทยา ภูเก็ต และกรุงเทพฯ เพียงแต่ยังมีจำนวนไม่มากนัก เมื่อเทียบกับประเภทอื่น ๆ อย่างไรก็ดี ผลการศึกษาของเราเผยให้เห็นว่า อสังหาริมทรัพย์ประเภทนี้กำลังเป็นรูปแบบการพัฒนาโครงการที่กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นและมีแนวโน้มขยายตัวในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า”

ผลการศึกษาของเจแอลแอล ระบุว่า คอนโดเทลกำลังเติบโตขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในภูเก็ต โดย ณ สิ้นปี 2564 จะมีคอนโดเทลรวมทั้งสิ้นมากกว่า 3,000 ยูนิต หรือมีสัดส่วนคิดเป็นกว่า 30% ของจำนวนห้องพักโรงแรมที่จะสร้างเสร็จใหม่ ตัวอย่างคอนโดเทลโครงการใหม่ๆ ในภูเก็ตได้แก่ เบสท์ เวสเทิร์น พลัส เดอะ บีชฟรอนท์ ราไวย์ ขนาด 189 ยูนิตที่เพิ่งเปิดตัวเมื่อเร็วๆ นี้โดย บจก. บลู ฮอริซัน เดเวลลอปเมนท์ส ซึ่งบริษัทเดียวกันนี้ กำลังอยู่ระหว่างการพัฒนาคอนโดเทลโครงการอื่นๆ อีก 5 โครงการ คิดเป็นจำนวนรวมกว่า 1,500 ยูนิต โดยมีกำหนดจะสร้างเสร็จในช่วง 3 ปีข้างหน้า

พัทยา เป็นอีกหัวเมืองท่องเที่ยวหนึ่งที่มีการพัฒนาโครงการคอนโดเทลเพิ่มมากขึ้น โดยมีโครงการใหม่ๆ คิดเป็นจำนวนรวมทั้งสิ้นกว่า 1,100 ยูนิตที่มีกำหนดจะสร้างเสร็จภายในปี 2564 ทั้งนี้ ฮาบิแทท กรุ๊ป เป็นผู้ประกอบการที่มีความเคลื่อนไหวมากที่สุดในพัทยา โดยปัจจุบันดำเนินธุรกิจคอนโดเทล 2 โครงการ คือ ครอสทูไวบ์ พัทยา ซีเฟียร์ เรสซิเดนซ์ และครอสทูไวบ์ พัทยา โอเชียนเฟียร์ นอกจากนี้ ยังอยู่ในระหว่างการพัฒนาโครงการใหม่อีก 4 โครงการซึ่งมีกำหนดสร้างเสร็จภายในปี 2565

ส่วนที่กรุงเทพฯ คอนโดเทลที่มีการบริหารจัดการได้มาตรฐานจำนวนยังมีไม่มากนัก อย่างไรก็ดี การพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ประเภทนี้ เริ่มเป็นที่จับตามองมากขึ้นจากการเคลื่อนไหวของบจก.ไซมิส แอสเสท ที่ประกาศเปิดตัวโครงการคอนโดเทลใหม่เพิ่มสองโครงการ เพิ่มเติมจากโครงการที่มีอยู่เดิมคือ บลอสซั่ม คอนโด แอท แฟชั่น โดยโครงการคอนโดเทลที่บริษัทประกาศเปิดตัวใหม่ ได้แก่ เดอะ ไซมิส เอ็กซ์คลูซีฟ และเดอะ คอลเล็คชั่น ซึ่ง 50% ของยูนิตทั้งหมดในโครงการจะเป็นคอนโดเทล และเมื่อก่อสร้างแล้วเสร็จจะบริหารโดยกรีน แลนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล โฮเทลส์จากประเทศจีน

ในการที่จะได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจโรงแรม โครงการคอนโดเทลจะต้องผ่านหลักเกณฑ์ด้านต่าง ๆ อาทิ ข้อกำหนดมาตรฐาน สิ่งอำนวยความสะดวก/ความปลอดภัย การดำเนินการ และการบริหารจัดการ ตามที่กำหนดไว้ใน พรบ.โรงแรม ทั้งนี้ โดยส่วนใหญ่ ผู้พัฒนาโครงการคอนโดเทล มักมีการวางแผนล่วงหน้าสำหรับการขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจโรงแรมหลังการก่อสร้างแล้วเสร็จ

นอกจากนี้ เจ้าของร่วมที่ถือครองยูนิตในโครงการคอนโดเทล ไม่ได้ปล่อยเช่ายูนิตของตนให้กับลูกค้า (แขกที่เข้าพัก) โดยตรง แต่เป็นการฝากปล่อยเช่าผ่านผู้บริหารคอนโดเทลที่ทำหน้าที่ดูแลการปล่อยเช่าห้องพัก ซึ่งในที่นี้ อาจเป็นบริษัทผู้พัฒนาโครงการ หรือบริษัทบริหารโรงแรม/คอนโดเทล ตัวอย่างเช่น บูทีค โฮเทล แมนเนจเม้นท์ เอเชีย, เบสท์ เวสเทิร์น และวินแดม ซึ่งตัวอย่างทั้งหมดนี้ เป็นเชนบริหารจากต่างชาติ

การเสนอขายคอนโดเทลให้กับผู้ซื้อเพื่อลงทุน โดยส่วนใหญ่มักมีการเสนอแผนรับประกันผลตอบแทนในช่วง 2-3 ปี หรือแผนการแบ่งปันผลกำไร ซึ่งจะขึ้นอยู่กับการตกลงระหว่างเจ้าของยูนิตและผู้บริหารคอนโดเทล

โอกาส

นางสาวปิตินุช ภู่พัฒน์วิบูลย์ รองประธานอาวุโสฝ่ายที่ปรึกษา หน่วยธุรกิจบริการการลงทุนด้านโรงแรมของเจแอลแอล กล่าวว่า “การปล่อยเช่าคอนโดมิเนียมระยะสั้นเป็นช่องทางการสร้างรายได้ที่มีความนิยมเพิ่มขึ้นในหมู่เจ้าของร่วม แต่เป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ดังนั้น คอนโดเทลจึงเป็นทางออกที่จะช่วยป้องกันผู้ซื้อยูนิตเพื่อลงทุนจากความเสี่ยงในการถูกดำเนินคดี นอกจากนี้ การมีโครงสร้างและวัตถุประสงค์การใช้ที่ชัดเจน ยังเป็นการช่วยป้องกันการต่อต้านจากเจ้าของร่วมที่ซื้อยูนิตคอนโดในโครงการเพื่ออยู่อาศัยเองที่อาจไม่ยินดีต้อนรับบุคคลภายนอกที่เข้ามาพักระยะสั้นในอาคาร”

ในส่วนของผู้พัฒนาโครงการ นายจักรกริชกล่าวว่า “คอนโดเทลเพิ่มโอกาสใหม่ในฐานะอสังหาริมทรัพย์ทางเลือกสำหรับผู้พัฒนาโครงการ อีกทั้งยังเปิดโอกาสให้ผู้พัฒนาโครงการสามารถเพิ่มข้อได้เปรียบให้กับโครงการของตน ซึ่งนับเป็นการผ่าทางตันสำหรับตลาดคอนโดมิเนียมของประเทศไทยในขณะนี้ โดยเฉพาะสำหรับกรุงเทพฯ ซึ่งการขายอยู่ในภาวะชะลอตัวและตลาดเช่าระยะยาวมีการแข่งขันสูง”

JLL จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก เป็นหนึ่งในบริษัทชั้นนำของโลกธุรกิจบริการและบริหารการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ ดำเนินธุรกิจในกว่า 80 ประเทศและมีพนักงานทั่วโลกรวมจำนวนทั้งสิ้นกว่า 90,000 คน สำหรับในประเทศไทยเริ่มดำเนินธุรกิจในปี 2533 ปัจจุบันเป็นบริษัทระหว่างประเทศผู้ให้บริการด้านอสังหาริมทรัพย์ครบวงจรรายใหญ่ที่สุดในประเทศ ด้วยพนักงาน 1,600 คน มีอสังหาริมทรัพย์และสถานประกอบการภายใต้การบริหารจัดการคิดเป็นพื้นที่รวมกว่า 5 ล้านตารางเมตร

JLL ได้รับการคัดเลือกให้เป็นผู้ชนะรางวัลระดับห้าดาวในสาขาที่ปรึกษาและตัวแทนซื้อขายให้เช่าอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ที่ดีที่สุดในประเทศไทย จากการประกาศรางวัล International Property Awards Asia Pacific 2019-2020 และเป็นหนึ่งในบริษัทที่ได้รับคะแนนสูงสุดในเอเชียแปซิฟิกในทั้งสองสาขาที่มีคุณสมบัติผ่านไปเข้าชิงรางวัลระดับโลกที่จะมีขึ้นในช่วงปลายปีนี้ ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.jll.co.th 

 

 

แจ้งข่าว..คลิกที่นี่