โดยก่อนที่จะมีการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ได้ทำการสอบสวนนายมณีนพด้วยตนเองภายเป็นเวลาประมาณ 20 นาที ภายในห้อง ศปก.ชั้น 2 ของ สภ.เมืองภูเก็ต และไม่ได้นำตัวผู้ต้องหาลงมาแถลงข่าวที่บริเวณชั้นล่างด้านหน้า สภ.
พล.ต.ท.อำพล เปิดเผยต่อสื่อมวลชนว่า ทางเจ้าหน้าที่ได้จับกุมผู้ต้องหาได้ที่จังหวัดสงขลาด้วยความร่วมมือของ ตำรวจภูธรภาค 8 ภาค 9 ตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต และตำรวจกองปราบปราม เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา เนื่องจากจำนนด้วยหลักฐานพยานแวดล้อมและกล้องวงจรปิด ในส่วนอาวุธปืนผู้ต้องหาได้โยนทิ้งทะเลในระหว่างทางหลบหนีจากเกาะภูเก็ตไปจังหวัดกระบี่ ซึ่งไม่มีผลต่อรูปคดี ด้านการดำเนินคดีในความผิดฐาน ฆ่าผู้อื่น และ พยายามฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อน, มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, พาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตและไม่มีเหตุอันควร และยิงปืนในที่สาธารณะ
เหตุเกิดที่ แผงขายกุ้ง ตลาดสดสาธารณะ 2 (ตลาดเกษตร) ถนนอ๋องซิมผ่าย ต.ตลาดใหญ่ อ.เมืองภูเก็ต เมื่อวันที่ 7 ม.ค. 65 เวลาประมาณ 10.00 น. ผู้ต้องหาคือ นายมณีนพ หมีทอง อายุ 49 ปี อาชีพ พ่อค้าขายกุ้ง ที่อยู่ ต.รัษฎา อำเภอเมืองภูเก็ต มีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ 2 ราย คือ นายศรายุธ ถิ่นสถาน อายุ 57 ปี และนางต้อย ลิมปนานุรักษ์ อายุ 53 ปี ผู้บาดเจ็บ 3 ราย ประกอบด้วย นายเกรียงไก่ ลิมปนานุรักษ์ (บาดเจ็บสาหัส), นางอาพร ถิ่นสถาน (บาดเจ็บสาหัส) และนายพรชัย ลิมปนานุรักษ์ (ได้รับบาดเจ็บ)
พบพยานหลักฐานและของกลางในคดีได้แก่ ลูก (หัว) กระสุนปืน จำนวน 3 หัว (เก็บได้ในที่เกิดเหตุ) และรถยนต์โตโยต้า รุ่นฟอร์จูนเนอร์ที่ผู้ต้องหาใช้ในการกระทำผิด และภาพจากกล้องวงจรปิดขณะเกิดเหตุ
พฤติการณ์แห่งคดีก่อนเกิดเหตุในคดีนี้ ผู้ต้องหา และกลุ่มผู้เสียชีวิต ผู้บาดเจ็บ มีอาชีพค้าขายกุ้งสด บริเวณตลาดเกษตรที่เกิดเหตุในคดีนี้ โดยมีแผงขายกุ้งอยู่ติดกันมาหลายปี มักมีปัญหากระทบกระทั่งกัน เรื่องการตั้งราคาสินค้าตัดราคากัน การแย่งลูกค้าตัดหน้ากัน เป็นประจำ ทำให้เกิดความบาดหมางโกรธเคืองกันบ่อยครั้ง
จนในวันเกิดเหตุ ก่อนเกิดเหตุได้มีปากเสียงกันระหว่างคู่กรณีภรรยาผู้ต้องหากับกลุ่มของผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บ เชื่อว่าผู้ต้องหาเกิดอารมณ์ความโกรธแค้น ผู้ต้องหาจึงได้เดินทางออกจากตลาดเกษตรกลับไปที่บ้านพัก เตรียมอาวุธปืนพกแบบลูกโม่ 1 กระบอก พร้อมขับรถยนต์ของกลางกลับมายังที่เกิดเหตุ เดินลงจากรถเข้ามายังจุดเกิดเหตุ ใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บในทันที 5-6 นัด จากนั้นได้เดินกลับไปขึ้นรถยนต์ของกลาง ขับ
หลบหนีไป
จากนั้นผู้ต้องหาได้หลบหนีโดยนำรถยนต์ของกลางไปจอดทิ้งไว้บริเวณบ้านแหลมหิน ขึ้นเรือโดยสารไปยังแพขายอาหารบังหมุด และได้ว่าจ้างเรือโดยสารเดินทางต่อไปขึ้นที่ท่าเรือหาดคลองม่วง จังหวัดกระบี่ และเดินทางไปขึ้นรถยนต์โดยสารที่ บขส. จว.กระบี่ เดินทางด้วยรถยนต์ตู้โดยสารไปยัง อ.หาดใหญ่ จว.สงขลา จนกระทั่งถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัวได้ในคดีนี้ เมื่อวันที่ 8 ม.ค. เวลา 18.00 น. ที่ อ.หาดใหญ่ ชั้นจับกุมและสอบสวน ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าได้ใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายและผู้บาดเจ็บ และโยนอาวุธปืนทิ้งในทะเลระหว่างหลบหนี เจ้าหน้าที่จะได้สืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินคดีกับผู้ต้องหารายนี้ตามกฎหมายต่อไป
โดยในการแถลงข่าวช่วงเช้าวันนี้ ทางญาติผู้เสียชีวิตได้มอบดอกไม้ให้กำลังใจแก่เจ้าที่ต่อ พล.ต.ท.อำพล และผบช.ภ.8 ได้รับปากว่าจะดำเนินคดีตามขั้นตอนทางกฎหมายอย่างถึงที่สุด ขอให้ทางญาติผู้เสียชีวิตไม่ต้องกังวล หากเกิดกรณีหวั่นเกรงว่าผู้ต้องหาจะได้รับการประกันตัวแล้วจะมาทำร้าย ขอยืนยันว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะคอยดูแลกันอย่างดี